“สนธิ” เผย “บิ๊กป๊อก” โทร.เคลียร์ปัดร่วมงานเลี้ยงกับ “เจ๊หน่อย” ที่นิด้า แต่ยังข้องใจภรรยาสนิทกัน ระบุ ผู้นำเหล่าทัพที่ยังมีจุดยืนมีแค่ “พล.อ.ชลิต” เท่านั้น ย้ำผลชุมนุมปักหลักนาน 37 วัน สร้างผลงานช่วยชาตินานัปการ ทั้งทำให้ญัตติแก้ รธน.ตกไปจนกระทั่งศาลสั่งห้ามรัฐบาลขาย “ปราสาทพระวิหาร” ให้เขมร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 20.20 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีโดยเปิดเผยว่า ได้รับโทรศัพท์จาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ยืนยันไม่รู้เรื่องกับการจัดงานเลี้ยงรุ่นที่นิด้า ยืนยันว่า ไม่ได้ไป และไม่ได้หารือกับ คุณสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในงานเลี้ยงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวว่า อยากถามต่อด้วยความเป็นห่วงว่า ภรรยาของ พล.อ.อนุพงษ์เคยทำงานที่บริษัท กันตนา และสนิทสนมกับบริษัท เจเอสแอล ที่มี คุณสุดารัตน์ เป็นผู้ที่มีคุณูปการ และ คุณสุดารัตน์ ก็ยังสนิทสนมกับ ภรรยา พล.อ.อนุพงษ์ อยากถามว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
นายสนธิ กล่าวถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ โดยเริ่มจาก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ตามข้อเท็จจริงแล้วพอเข้าใจได้ เพราะถูกแต่งตั้งสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภรรยา ก็สนิทสนมกับ คุณหญิงอ้อ และในช่วงที่เปิดบริษัทท่องเที่ยวที่ชิดลม คุณหญิงอ้อก็ไปเป็นประธานเปิดงานให้
นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่น่าประหลาดใจที่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ ไม่มีจุดยืนในเรื่องสถาบันกษัตริย์และยังสนับสนุนรัฐบาลในกรณีของปราสาทพระวิหาร
“ถ้าให้เอ่ยชื่อ ผบ.เหล่าทัพ ที่มีจุดยืนอยู่ข้างประชาชนอย่างชัดเจนที่สุดในตอนนี้ คือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และที่ผ่านมา ก็ไม่เคยสั่งตัดเคเบิลทีวีที่ถ่ายทอดสัญญาณเอเอสทีวีในกองทัพอากาศเลย ให้ทหารดูตลอดเวลา ขอให้จำชื่อ พล.อ.อ.ชลิตให้แม่นๆ ขอให้จารึกลงไปว่าเป็นทหารที่ยังไหว้ได้อยู่ เป็นทหารที่เป็นทหารที่จิตวิญญาณเป็นทหารทั้งตัว” นายสนธิ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวถึงผลงานการชุมนุมของพี่น้องประชาชนเป็นเวลา 37 วัน 37 คืน ได้ก่อให้เกิดผลสำเร็จหลายอย่าง โดยเริ่มตั้งแต่การชุมนุมใหญ่ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งหลังจากนั้น 3 วัน ทางตำรวจก็ได้สรุปว่า นายจักรภพ เพ็ญแข หมิ่นเบื้องสูง แม้ว่ายังยื้อคดีอยู่ก็ตาม จากนั้นได้ยื่นรายชื่อประชาชนกว่า 3 หมื่นชื่อ เพื่อถอดถอน ส.ว.-ส.ส.ที่เสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญจนในที่สุดมีการถอนชื่อทำให้ญัตติดังกล่าวตกไป
ผลงานต่อมา คือ การที่รัฐบาลได้ลดค่าการกลั่นน้ำมันลงลิตรละ 3 บาท หรือกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช ประกาศสลายการชุมนุม แต่เมื่อพลังประชาชนมาร่วมมาก ทำให้ไม่กล้าสลาย วันที่ 5 มิ.ย.รัฐบาลได้ประกันราคาข้าวจากการกดดันของพวกเรา หรือกรณีความล้มเหลวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่สั่งผู้ว่าฯ ตัดสัญญาณเอเอสทีวี แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ หรือแม้กระทั่งการที่นายกรัฐมนตรี ยอมให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังจากก่อนหน้านี้ยืนยันมาตลอดว่าไม่เปิดโดยอ้างว่าไม่มีเวลาเพียงพอ
นอกจากนี้ ยังมีกรณีศาลปกครองสั่งคุ้มครองให้ระงับการปฏิบัติในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหาร หรือมีการจำคุกแก๊งทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ศาล เป็นต้น
“พี่น้องทั้งหลายได้ร่วมกันกรำแดดกรำฝนแม้จะโดนกลั่นแกล้งสารพัดก็ยังสามารถได้มากมาย ดังนั้น อย่าประมาทตัวเอง ให้เชื่อมั่นในพลังทางศีลธรรม อย่าท้อ ผมไหว้ละ เพราะพวกเราก็ต้องการกำลังใจจากพวกท่านเช่นเดียวกัน” นายสนธิ เรียกร้อง