"สาวิทย์ แก้วหวาน" โต้ รัฐบาล พันธมิตรไม่ได้เป็นพวกคลั่งชาติ ชี้ จับตารัฐบาลใช้นโยบายประชานิยมกับงบประมาณ 2 ล้านล้าน ไม่โปร่งใส
วันนี้ (29มิ.ย.) เมื่อเวลา 21.20น. นายสาวิทย์ แก้วหวาน แกนนำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท.) ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ กล่าวตอบโต้รัฐบาลที่ได้กล่าวหากลุ่มพันธมิตรฯว่ายกเรื่องเขาพระวิหารขึ้นมา เป็นเพราะกลุ่มพันธมิตรเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ไม่เป็นความจริง แต่ประเทศเพื่อนบ้านทุกชาติล้วนเป็นพี่น้องกันซึ่งต้องให้ความเคารพกัน ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯนั้นไม่ต้องการที่จะให้เกิดสงครามแต่อย่างใดแต่เรื่องเขาพระวิหารนั้นเกิดมาจากคน 2 คนเท่านั้น คือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กับ นายฮุนเซ็น เท่านั้น
ทั้งนี้ นายสาวิทย์ ยังได้กล่าวถึง เรื่องการอภิปรายในเรื่องงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 2 ล้านล้านบาทว่า รัฐบาลกำลังจะใช้เงินงบประมาณดังกล่าวไปพร้อมกับนโยบายประชานิยมที่กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งๆที่เงินงบประมาณของประเทศที่เก็บได้จริงๆนั้นมีแค 1.5 ล้านล้านบาทเท่านั้น แต่รัฐบาลจะหาเงินจำนวน 5 แสนล้านที่เหลือมาจาก 4 วิธีได้แก่ วิธีแรก คือการใช้งบประมาณแบบขาดดุลในการบริหารประเทศ ซึ่งหากมีการใช้งบประมาณแบบขาดดุลแล้วก็จำเป็นที่จะต้องกู้เงินเข้ามา ด้วยการทำโครงการเม็กกะโปรเจ็ก ทำให้เป็นผลสืบเนื่องไปสู่การทุจริตคอรัปชั่นในโครงการดังกล่าว
ส่วน วิธีที่ 2 คือ การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากเดิม 7 บาทเป็น 10 บาท วิธีที่ 3 คือ การนำสมบัติชาติไปขาย เช่น การแปรรูปรัฐวสาหกิจ การนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ รวมถึงการนำโรงพยาบาลออกนอกระบบ และวิธีสุดท้าย คือ การหาเงินจากงบประมาณที่ที่ไม่ได้เขียนไว้ เช่น เงินจากกองทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) รวมทั้งสถาบันการเงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องคอยจับตามองและตรวจสอบ
วันนี้ (29มิ.ย.) เมื่อเวลา 21.20น. นายสาวิทย์ แก้วหวาน แกนนำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท.) ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ กล่าวตอบโต้รัฐบาลที่ได้กล่าวหากลุ่มพันธมิตรฯว่ายกเรื่องเขาพระวิหารขึ้นมา เป็นเพราะกลุ่มพันธมิตรเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ไม่เป็นความจริง แต่ประเทศเพื่อนบ้านทุกชาติล้วนเป็นพี่น้องกันซึ่งต้องให้ความเคารพกัน ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯนั้นไม่ต้องการที่จะให้เกิดสงครามแต่อย่างใดแต่เรื่องเขาพระวิหารนั้นเกิดมาจากคน 2 คนเท่านั้น คือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กับ นายฮุนเซ็น เท่านั้น
ทั้งนี้ นายสาวิทย์ ยังได้กล่าวถึง เรื่องการอภิปรายในเรื่องงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 2 ล้านล้านบาทว่า รัฐบาลกำลังจะใช้เงินงบประมาณดังกล่าวไปพร้อมกับนโยบายประชานิยมที่กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งๆที่เงินงบประมาณของประเทศที่เก็บได้จริงๆนั้นมีแค 1.5 ล้านล้านบาทเท่านั้น แต่รัฐบาลจะหาเงินจำนวน 5 แสนล้านที่เหลือมาจาก 4 วิธีได้แก่ วิธีแรก คือการใช้งบประมาณแบบขาดดุลในการบริหารประเทศ ซึ่งหากมีการใช้งบประมาณแบบขาดดุลแล้วก็จำเป็นที่จะต้องกู้เงินเข้ามา ด้วยการทำโครงการเม็กกะโปรเจ็ก ทำให้เป็นผลสืบเนื่องไปสู่การทุจริตคอรัปชั่นในโครงการดังกล่าว
ส่วน วิธีที่ 2 คือ การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากเดิม 7 บาทเป็น 10 บาท วิธีที่ 3 คือ การนำสมบัติชาติไปขาย เช่น การแปรรูปรัฐวสาหกิจ การนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ รวมถึงการนำโรงพยาบาลออกนอกระบบ และวิธีสุดท้าย คือ การหาเงินจากงบประมาณที่ที่ไม่ได้เขียนไว้ เช่น เงินจากกองทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) รวมทั้งสถาบันการเงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องคอยจับตามองและตรวจสอบ