“อภิสิทธิ์” รู้ผลลัพธ์โหวตลงมติไม่ไว้วางใจ “หมักและพวก” ล่วงหน้า เดินหน้าขวางขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารโลกต่อไป ตั้งทีมงานยื่นศาล รธน.ตีความมติ ครม.พร้อมร้องค้าน กก.มรดกโลก
วันนี้ (27 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังผลการโหวตว่า เป็นไปตามคาดหมายที่พรรคร่วมจะยกมือให้กับ นายสมัคร และรัฐมนตรี เพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของพรรคร่วม เป็นขั้นตอนปกติของรัฐสภา เพราะหากไปดูประวัติศาสตร์จะเห็นว่าพรรคฝ่ายค้านไม่เคยโหวตชนะในการลงคะแนนเพียง แต่รัฐบาลต้องตระหนักว่าเสียงข้างมากที่ใช้ในการบริหารประเทศ ไม่ใช่อำนาจเบ็ดเสร็จ ดังนั้น รัฐบาลต้องรับฟังอะไรที่เกิดขึ้นจาการตรวจสอบของฝ่ายค้าน รวมถึงสาธารณชน เพื่อปรับปรุงข้อยกพร่อง บรรยากาศบ้านเมืองจะดีขึ้นหรือไม่อยู่ที่รัฐบาล
ส่วนเสียงจากรัฐบาล 1 คนที่โหวตไม่ไว้วางใจนายนพดล คงต้องไปความเห็นของสมาชิกท่านนั้น เพราะมีการบันทึกการลงคะแนนอย่างชัดเจน และเชื่อว่า ข้อมูลที่พรรคนำมาอภิปรายเป็นประโยชน์ รัฐบาลควรเปิดใจกว้างนำไปพิจารณาเดินหน้าต่อไป และยังมีน้ำหนักต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลากร วิธีการบริหาร รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
“เราจะเดินหน้าระงับยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเขาพระวิหารต่อไป ไม่หยุดแค่การอภิปรายเท่านั้น โดยจะทำให้คณะกรรมการมรดกโลกได้รับทราบข้อเท็จจริง พรรคพอใจในการทำงานครั้งนี้ ส่วนผู้ฟังจะมีความเห็นอย่างไรต้องตัดสินใจเอง เชื่อว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้น แต่กระบวนการตั้งแต่ต้นไม่โปร่งใส จนถึงวันนี้คนไทยก็ยังไม่สามารถทราบมติ ครม.17 มิ.ย.และ 24 มิ.ย.ที่มีการลงนามและการแก้ไขถ้อยคำว่าเป็นอย่างไร แต่ได้ทราบเพียงการแถลงร่วม ได้เห็นแผนที่ และแผนผังเท่านั้น โดยก่อนจะมีการลงมติ เท่าที่ทราบในประเด็นนี้ พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชาก็เรียกร้องเรื่องความโปร่งใส ดังนั้นสาเหตุทั้งหมด มาจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล อย่าไปโทษเรื่องอื่น เราต้องทำให้คนทั้ง 2 ประเทศรู้สึกเป็นเจ้าของมรดกโลกร่วมกัน โดยไม่คิดถึงเรื่องผลกระทบด้านเขตแดน”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนี้พรรคจะดำเนินการ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมติ ครม.ที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าขัดรัฐธรรมนูญ หรือไม่ โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้นาย ทิวา เงินยวง นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค คณะทำงานด้านกฎหมาย ไปยกร่างคำร้องและทำหนังสือถึงคณะกรรมการมรดกโลก โดยได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ไปดำเนินการ
เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่รัฐบาล ต้องปรับ ครม.นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยอมรับว่า ข้อมูลอภิปรายต้องไปกระทบต่อตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ภาพรวมในแง่ของท่าทีรัฐบาล ถือเป็นเรื่องสำคัญในการมั่นใจ ว่าจะไม่มีปมปัญหาในการบริหาร การเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมที่โยงใยไปถึงผู้มีอำนาจเดิม หากรัฐบาลทุ่มเทความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความมั่นคง ฟื้นฟูประชาธิไตย จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด โดยต้องเริ่มจากนายกรัฐมนตรีลงมา ส่วนจะมีการเคลื่อนไหวของประชาชนนอกสภา หรือไม่นั้น ตนคงตอบไม่ได้ เพราะขณะนี้ประชาชนแย่งฝักแบ่งใยอยู่แล้ว
ถามต่อว่า การปรับ ครม.จะเพียงพอต่อความรับผิดชอบของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อสภาลงมติไปแล้ว ก็ต้องยอมรับมติเสียงข้างมาก แต่ นายกรัฐมนตรี ต้องใช้สภาให้เป็นประโยชน์ คือทบทวนดูว่า ข้อเท็จจริงในการอภิปรายมีอะไรบ้างที่นำไปใช้และมีประโยชน์ เพื่อปรับปรุงการทำงาน ตรงนี้จะเป็นการสะท้อนให้เห็นคุณค่าในการทำงานในระบบรัฐสภา ที่มีรัฐบาลและฝ่ายค้าน ส่วนการลงคะแนนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน อาจจะมีแรงกดดันบ้าง แต่จะบอกว่าไม่เป็นอิสสระคงไม่ใช่ ต้องอาศัยความกล้าหาญเท่านั้นเอง