จำลองชี้บริเวณการชุมนุมนี้เป็นดินแดนอันเสียสละ จวกรัฐบาลและพวกลิ่วล้อหยุดใช้วิชามารก่อกวนได้แล้ว วอนรัฐตำรวจอย่าเป็นบ่าวช่างยุ ให้สถานที่ข้าราชการแถวๆนี้ยื่นฟ้องต่อศาล เชื่อถึงจะมีการฟ้องให้เกิดการยุติชุมนุมผลสุดท้ายต้องยกฟ้องอยู่ดี แจงศาลถือกฎหมายไม่ได้ถือนายเหมือนรัฐลูกกรอก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ปราศรัย
วันนี้ (26 มิ.ย.) เวลา 20.40 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าวว่า วันนี้การชุมนุมมาถึงวันที่ 33 แล้ว ในประวัติศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้ที่การชุมนุมเข้าสู่วันที่ 33 แล้วนายกฯ ออกเราชนะ และวันนี้ได้เข้าสู่วันที่ 33 อีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นชัยชนะได้ใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อช่วงบ่ายตนได้พบกับผู้หญิงท่านหนึ่งเข้ามาถามตนว่าจำได้ไหม ที่เคยขายข้าวแกง ตนจึงถามกลับว่าแล้วมาที่นี่ไม่ขายข้างแกงหรือ เขาตอบว่าเลิกขายไปแล้ว เนื่องจากข้าวสารแพง มาอยู่นี่ไม่ต้องใช้เงิน
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า วันนี้ได้อ่านจดหมายฉบับหนึ่ง เป็นจดหมายสุภาพสตรีท่านหนึ่งเขียนมาว่า เป็นลูกทหารซึ่งคุณพ่อเป็นอาจารย์เก่าแก่ของโรงเรียนนายร้อยฯ เป็นทหารผ่านศึกหลายสมรภูมิ แต่ตอนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว หนูได้มาชุมนุมและได้นำเงินมาช่วยด้วย นี่คือลูกทหารไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือชาย ล้วนแล้วแต่มีความรักชาติอยู่ในสายเลือดทั้งนั้น
“จะเห็นได้ว่า ที่เอ่ยมา รวมถึงพี่น้องทุกคนล้วนแล้วเสียสละทุกคน ที่นี่เป็นดินแดนแห่งการเสียสละ เราล้วนแล้วมาเสียสละทั้งสิ้น มากินมานอนที่นี่ด้วยความเสียสละ แต่แล้วรัฐบาลและลิ่วล้อพยายามใช้วิชามารทุกวิถีทาง ที่จะทำให้ยุติการชุมนุมของเราให้ได้ ขณะนี้เขาใช้ตำรวจมาปลุกระดมสถานที่ข้าราชการแถวๆนี้ ให้ไปยื่นฟ้องต่อศาล ขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน คือไล่เราออกจากตรงนี้ ไม่ให้เราชุมนุมที่นี่” พล.ต.จำลองกล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า มีผู้สื่อข่าวมาถามตนว่าแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ตนบอกไม่เป็นอะไร ฟ้องได้ฟ้องไป เพราะศาลถือกฎหมายไม่ได้ถือนาย ไม่มีนาย แล้วกฎหมายสูงสุดคือกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายใดถ้าไปขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญถือว่ากฎหมายนั้นใช้ไม่ได้ ที่เรามาที่นี่เรามาทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แล้วเรามาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ว่าประชาชนมีสิทธิชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ตนขอเรียนพี่น้องประชาชนอีกครั้งว่า พวกเราไม่ใช่อันธพาล เพราะเรายอมรับกฎหมายทุกครั้ง
“การรักชาตินั้น การพิจารณาถึงส่วนรวมนั้นต้องเสียสละกันบ้าง อาจจะไม่สะดวกบ้าง รถติดบ้าง เสียงดังบ้าง ก็ต้องทนดีกว่าเสียบ้านเสียเมือง และอยากจะฝากไปถึงหลายๆคนว่า อย่าได้มาปลุกระดมเลยไม่เกิดประโยชน์หรอก ที่เรามาที่นี่ไม่ว่าเราจะมากินมานอนกี่วันก็ตาม ล้วนแล้วเป็นความภูมิใจของเรา และเมื่อรวม 33 กับ 33 วัน เราอยู่กันมา 66 วันแล้ว” พล.ต.จำลองกล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า มีนายตำรวจหาว่าพวกเราโง่ทั้งหมด ตนไม่อยากบอกว่าตอนเรียนนั้นเรียนเก่งขนาดไหน เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ นอกจากนั้นยังได้รับรางวัลบุคคลแห่งเอเชียเป็นคนแรกของคนต่างชาติประเทศเกาหลีด้วย ถ้าจะพูดนั้นมีอีกเยอะแยะ เพื่อเป็นการยืนยันว่าพวกเราไม่โง่ ผู้ที่บอกว่าโง่ควรจะสำรวจตัวเองว่าโง่หรือเปล่า
“พวกเรามาทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยาก มาอดทนในสิ่งที่คนอื่นอดทนได้ยาก ทนได้ทั้งแดด ทั้งฝน และเราก็มาเสียสละในสิ่งที่คนอื่นเสียสละได้ยากเช่นกัน แล้วเราก็จะมาชนะในสิ่งที่คนอื่นชนะได้ยากด้วยเช่นกัน” พล.ต.จำลองกล่าว