“พัชรวาท” ร่อนหนังสือแจง คตส.เหตุกองปราบขู่ออกหมายจับ พร้อมเสนอถามจะให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนหรือไม่ ด้าน คตส.เมิน ชี้แค่แจ้งให้ต้นสังกัดทราบและให้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เลือกข้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ทำหนังสือถึงนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม ออกหมายเรียก คตส.เข้าพบ 2 ครั้งโดยระบุว่าหากไม่เข้าพบจะยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อออกหมายจับ จากการที่บริษัท สำนักงานกฏหมายนิติเอกราช ซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและบุคคลในครอบครัว ฐานหมิ่นประมาท
โดยในหนังสือที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ทำถึงนายนาม ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้สั่งการให้ ผบช.ก.ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบกำกับดูแลพนักงานสอบสวนของกองบังคับการกองปราบปรามเข้ารับผิดชอบควบคุมและกำกับดูแลการสืบสวนสอบสวนทั้งสองคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเป็นไปตามกฎหมายด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรมแล้ว ทั้งนี้ ในหนังสือของ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังระบุอีกว่า หาก คตส.เห็นว่ายังมีกรณีที่อาจไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอยู่อีก ขอได้โปรดแจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้รับทราบเพื่อที่จะพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบและข้อบังคับด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม
แหล่งข่าวจาก คตส.กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะทำหนังสือฉบับนี้มาถึงนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ประสานเป็นการภายในมายัง คตส.เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีของ คตส.ในเรื่องนี้หรือไม่ และหากเห็นว่าบุคคลไหนเหมาะสมก็ขอให้สนอชื่อมา เพื่อที่ตนเองจะได้พิจารณาแต่งตั้งต่อไป
“เกี่ยวกับการประสานงานภายในของ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้มีการนำเข้าที่ประชุมกรรมการ คตส.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณาแล้ว แต่เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมเห็นว่า คตส.ไม่จำเป็นที่จะต้องเสนอราชื่อพนักงานสอบสวนรายใดต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท เพราะจุดยืนของ คตส.ในเรื่องนี้เพียงแค่ต้องการให้ พล.ต.อ.พัชรวาทรับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนว่าเป็นอย่างไร เพื่อที่ พล.ต.อ.พัชรวาทจะได้กำกับดูแลและแก้ไขให้การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย มีความเที่ยงธรรม และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติเข้าข้างฝ่ายใดเท่านั้นเอง” แหล่งข่าวกล่าว