วอร์รูมลูกกรอก สร้างผลงานให้สมราคา บัญญัติศัพท์ใหม่พันธมิตรฯ ตัวการสร้างภาวะไร้ระเบียบทางสังคม ป้ายสี “จำลอง-สนธิ” ฆ่าทิ้งนายใหญ่ เหน็บ ปชป.ใช้เวทีพันธมิตรฯ อภิปรายไม่ไว้วางใจ
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่พรรคพลังประชาชน นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะกรรมการติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า จากการติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯเห็นได้ชัดเจนว่า กลุ่มพันธมิตรฯสร้างภาวะไร้ระเบียบทางสังคม และพยายามขยายออกไปให้ได้มากที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการล้มรัฐบาล และระบบการเมืองในปัจจุบัน โดยดูรูปธรรมได้จากการกล่าวอ้างอารยะขัดขืนในช่วงตลอด 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา รวมทั้งล่าสุดที่กล่าวโจมตีกลไกการทำงานของ กกต.เนื่องจาก กกต.ในปัจจุบันมีอำนาจมากกว่า กกต.ชุดที่แล้ว รวมทั้งสามารถเลือก ส.ว.สรรหาได้ 74 คน ดังนั้น กกต.จึงถือเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งก่อนการรัฐประหาร 19 ก.ย.กลุ่มพันธมิตรฯก็เคยใช้วิธีเดียวกันมาแล้ว จากนั้นเมื่อ กกต.พังก็ไปกดดันโครงสร้างรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้พังต่อ
นายสุนัย กล่าวต่อว่า ขอฝากถึงคน หรือกลุ่มคนที่สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ จะด้วยเจตนาร้ายหรือดีก็ตาม ให้รีบถอนตัว เพราะขณะนี้ถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง ไม่ใช่การดำเนินการโดยสงบ เปิดเผย สุจริต อีกต่อไป แนวคิดกลุ่มพันธมิตรฯวันนี้ คือ พร้อมทำลายทุกอย่างหากผิดจากที่ตัวเองคาดหมาย และผิดจากประโยชน์ของตัวเอง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ในอดีตก็เคยชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายก็ทำลายทิ้ง ใครที่เคยยกย่องชื่นชมเมื่อขัดประโยชน์ก็จะทำลายทิ้งทั้งหมด
สิ่งหนึ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯชื่นชมบนเวที ขอให้ประชาชนติดตามว่าเขาจริงใจหรือไม่ จริงๆ แล้วน่าจะเป็นเจตนาแอบแฝง เขาชื่นชมจริงหรือไม่นั้นไม่สามารถบอกได้ ขึ้นอยู่กับประโยชน์ของเขาเองเท่านั้น เขาก็ประกาศตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และจะสร้างระบบใหม่ขึ้น แต่ขณะนี้เขายังเก็บไว้อยู่ เราจึงยังไม่รู้ว่าคืออะไร ขอให้ประชาชนจับตาดูให้ดี” นายสุนัย กล่าว
นายสุนัย กล่าวด้วยว่า สำหรับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านนั้น ขณะนี้นายกรัฐมนตรี บอกชัดเจนแล้วว่ามีข้อจำกัดเรื่องเวลา ซึ่งถือว่าน่าเสียดาย แต่ไม่น่าจะเกิดความเสียหายอะไร เพราะรัฐบาลเพิ่งจะเข้ามาทำงาน อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้วประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์อยากอธิบายนั้นได้ถูกส่งให้กลุ่มพันธมิตรฯไปหมดแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯก็ทำหน้าที่แทนพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลแทน ส่วนกรณีที่ ส.ว.สรรหา ระบุว่า หากไม่ได้อภิปรายอาจจะไปร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ก็ไม่น่าห่วงอะไร เพราะคงไม่มีอะไรน่าเสียหายไปมากกว่านี้แล้ว กลุ่มพันธมิตรฯเต็มที่ก็คงได้เท่านี้ แต่ถ้าหาก ส.ว.สรรหาจะอ้างประเด็นนี้ไปเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ขอให้คำนึงถึงการที่ตัวเองได้มาจากการแต่งตั้งด้วย เพราะถือว่าได้ทำลายระบบประชาธิปไตยมาแล้วครั้งหนึ่ง
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะกรรมการติดตามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะไม่อยากรอให้มีการทุจริตเกิดขึ้นก่อนนั้น การอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นการอภิปรายเชิงพยากรณ์ล่วงหน้า มีการทำนายว่าในอนาคตจะมีการทุจริต ซึ่งในโลกนี้ไม่มีใครเขาทำกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2550 ที่ผ่านมา ประชาชนได้ตัดสินใจล่วงหน้าไปแล้วเช่นกันว่าหากปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศก็อาจเกิดความเสียหาย จึงไม่ได้เลือกมาเป็นรัฐบาล
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้คำว่า กลัวว่า จะมีการเสียดินแดนนั้น นายอภิสิทธิ์ น่าจะรู้สึกอับอาย เพราะคำพูดสอดคล้องกับกลุ่มพันธมิตรฯที่พูดถึงเรื่องเขาพระวิหาร อีกทั้ง นายอภิสิทธิ์ ควรจะไปทบทวนประวัติศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นทนายความว่าความกรณีเขาพระวิหารแล้วแพ้ในศาลโลก ทำให้เขาพระวิหารตกเป็นของประเทศกัมพูชา พรรคพลังประชาชนไม่มีใครที่เคยเกี่ยวข้องกับการสูญเสียดินแดนแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่บรรพบุรุษของพรรคประชาธิปัตย แม้แต่ นายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนแรก ก็เกิดที่พระตะบอง ซึ่งต่อมาก็เสียดินแดนพระตะบองให้กับประเทศกัมพูชา เมื่อมาถึงหัวหน้าพรรคคนที่สอง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็เคยว่าความจนทำให้ไทยเสียเขาพระวิหารเช่นกัน การเจรจาเรื่องเขตแดนนั้นเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะเป็นผู้ดำเนินการ ยืนยันว่า ถ้าหากนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ทำให้ต้องเสียดินแดน ก็ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งและสมควรที่จะถูกขับไล่เช่นกัน
นายจตุพร กล่าวอีกว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมชุมนุมด้วย แต่ นายอภิสิทธิ์ ทำเป็นเหนียมอายต่อเรื่องดังกล่าวนั้น อยากจะบอกว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ต้องเหนียมอาย เพราะวันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯและพรรคประชาธิปัตย์มันล่อนจ้อน คนเขาเห็นกันหมดแล้ว โดยเฉพาะกรณีที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กระโดดขึ้นเวทีพันธมิตรฯ รวมทั้ง นางรัชฎากรณ์ แก้วสนิท ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯเช่นเดียวกัน ส่วนที่เหลือล้วนเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ หลายรายที่ขึ้นเวทีเช่นเดียวกัน
ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ ไม่ควรทำตัวเป็นอีแอบตาขาว ขอให้ประกาศออกไปเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ เย้ย ยื่นญัตติอภิปรายหน่อมแน้มนายจตุพร กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์มีแต่จะทำให้เกิดช่องว่างของการเว้นวรรคทางประชาธิปไตย การยื่นอภิปรายทั่วไปเป็นเพียงแค่เกมเท่านั้น และนายสมัคร ไม่มีทางลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ตนยังเชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีสติพอที่จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์งูเห่าขึ้นอีก หากพรรคประชาธิปัตย์ยื่นอภิปรายแบบหน่อมแน้มแบบนี้ หรือเขียนแบบไร้สติแบบนี้ เชื่อว่าจะทำให้รัฐบาลนี้มีแต่จะยิ่งอยู่นาน