ผู้ช่วยเลขาฯ ปชป.หนุนเปิดอภิปรายรัฐบาลโดยไม่ลงมติ เตือน “หมัก” ต้องใจกว้างอย่ายุบสภาหนีเหมือนยุค “แม้ว” จนถูกยึดอำนาจ จวก “กุเทพ” อย่าคิดเนรคุณ “จำลอง” ผู้ชุบเลี้ยง เฉ่ง “เหลิม” ตัวสร้างความแตกแยก ดึงสถานการณ์ใกล้เหตุการณ์ 6 ตุลา
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ส.ว.ใช้สิทธิตามมาตรา 161 เปิดให้อภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วย และสนับสนุนแต่อยากให้ใช้มาตรา 179 เปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ โดยให้ส.ส.และส.ว.ใช้สิทธิอภิปรายได้อย่างเต็มที่ และที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เคยเสนอในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน โดยเกิดปัญหาเรื่องการขายหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น ให้กับเทมาเส็ก พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องว่าควรนำเรื่องนี้ไปเปิดอภิปรายรับฟังความเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็รับปากแต่สุดท้ายก็ยุบสภาหนี หากครั้งนั้นได้นำเรื่องนี้เข้าสู่สภาก็จะไม่เกิดวิกฤตเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 ดังนั้น เห็นว่ารัฐบาลน่าจะใจกว้างและกล้าเผชิญความจริงเพื่อรับฟังความเห็นทุกฝ่าย
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน พาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า เคยกล่าวหา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ พาคนไปตาย และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ในการเลือกตั้งปี 2535 พรรคประชาธิปัตย์ เป็นการต่อสู้ของพรรคการเมืองฝ่ายเทพ ซึ่งผลการเลือกตั้งพรรคการเมืองฝ่ายเทพได้เสียงข้างมาก นายชวนจึงได้ฉันทานุมัติจากพรรคร่วมขณะนั้นให้เป็นนายกฯ
“ข้อกล่าวหาของ ร.ท.กุเทพ ปราศจากข้อเท็จจริง วันนี้ ร.ท.กุเทพกำลังพาดพิง พล.ต.จำลอง ว่านำลัทธิจำลองมาก่อความไม่สงบ เป็นเรื่องที่ ร.ท.กุเทพ ต้องไปจัดการกับ พล.ต.จำลอง ถ้าจะเนรคุณ พล.ต.จำลอง ก็ไม่ควรเอาพรรคประชาธิปัตย์ไปเกี่ยวข้องด้วย ร.ท.กุเทพ น่าจะรื้อฟื้นความหลังว่ามีชีวิตการเมืองในวันนี้ได้เพราะใคร เป็นเพราะ พล.ต.จำลองใช่หรือไม่ ที่ได้ชุบเลี้ยงและให้ชีวิตทางการเมือง จนได้โลดแล่นบนเวทีทางการเมืองผ่านพรรคพลังธรรม พรรคความหวังใหม่ พรรคไทยรักไทย และสุดท้ายพรรคพลังประชาชน อยากเตือนว่าความเชื่อของสังคมไทยคิดว่าคนที่เนรคุณคนอาจจะอยู่ได้ไม่นานและอาจจะไม่มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ดังนั้น อยากเตือนอีกครั้งว่า ร.ท.กุเทพ ไม่ควรป้ายสีและลากพรรคประชาธิปัตย์ไปเกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ โดยเฉพาะตัว พล.ต.จำลอง” นายเทพไท กล่าว
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พูดในลักษณะสร้างความแตกแยกและอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในสังคมได้ คือการกล่าวหาว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ มีชาวพม่าร่วมชุมนุมด้วย นายเทพไท กล่าวว่า ตนคิดว่าถ้าดูปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสังคมยังไม่เชื่อว่าจะมีคนพม่าเข้ามาเกี่ยวข้อง และการที่ รมว.มหาดไทย จุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาตนกลัวว่าเหตุการณ์จะย้อนไปเหมือนกับเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อ ใส่ร้ายป้ายสีม็อบนักศึกษาขณะนั้นว่ามีคนญวณเข้ามาก่อม็อบด้วย จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่ รมว.มหาดไทย พยายามโยนว่ามีคนต่างชาติเข้ามาร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ นั้น เป็นการลากเหตุการณ์นี้ไปให้เหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาใช่หรือไม่ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่สร้างโอกาสให้กับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบันได้ดีจนเป็น รมว.มหาดไทย และนายกฯ คนนี้โดยพื้นฐานเป็นคนนิยมความรุนแรงอยู่แล้ว มิฉะนั้นคงไม่ไปออกรายการโทรทัศน์ประกาศว่าจะใช้ความรุนแรงมาปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม
“ผมคิดว่าคุณเฉลิมในฐานะ รมว.มหาดไทย ไม่ควรที่เติมเชื้อไฟลงไปในม็อบพันธมิตรฯ แต่น่าจะใช้เครือข่ายหรือกลไกความเป็นกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบให้ดี ก่อนที่จะออกมาเปิดโปงหรือปล่อยข่าวเรื่องนี้ เพราะคุณเฉลิมชอบอ้างว่ามีแหล่งข่าวที่ดี และหลายครั้งแล้วที่ ร.ต.อ.เฉลิมได้พูดเรื่องนี้ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายและสร้างความแตกแยกให้แก่ประชาชน ตั้งแต่ปูดข่าวเรื่องวางระเบิดในม็อบ จนมาถึงมีคนพม่าอยู่ในม็อบด้วย ผมไม่อยากให้คุณเฉลิมเป็นหัวเชื้อเติมไฟไปในม็อบที่กำลังลุกโชนอยู่” นายเทพไทกล่าว