xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “หมัก” ขาสั่นแจงไม่ให้อภิปราย-ไขสือใต้โต๊ะรถเมล์ 6 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายการ สนทนาประสาสมัคร ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อ้างเหตุไม่ให้อภิปรายทั่วไปในสมัยประชุมวิสามัญ เพราะเวลาจำกัด โต้ไม่มีใต้โต๊ะเช่ารถเมล์ 6 พันคัน แจงวิธีใช้กระเทียมทำกับข้าว พร้อมเผยเหตุยืนตาขวางจ้องหน้าสื่อ ก่อนปิดท้าย อ่านจดหมายเหน็บเอเอสทีวี-ด่าพันธมิตรฯ ตามระเบียบ

“สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ ผมสมัคร สุนทรเวช นะครับ มาพูดจาประสาสมัครเหมือนอย่างเคย เช้าวันนี้ ปกติถ้าผมทำตามรายการของผมล่ะก็ ผมจะต้องเริ่มด้วยการเล่าเรื่องที่ผมไปทำอะไร ยังไงมา เช่น ชาวไร่กระเทียมมาปิดถนน ผมก็เจรจาความกับเขา ก็ควรจะต้องเล่าก่อนแล้ว เสร็จแล้วไปเชียงใหม่เมื่อวานไปประชุมเรื่องท่องเที่ยว ก็ควรจะเก็บมาเล่าให้ฟัง แล้วก็มีอะไรเล็กน้อย แล้วก็ถึงเวลาที่จะอธิบายความเรื่องอะไรก็จะมาเข้าแถว

วันนี้ถ้าหากว่าไปทำอย่างงั้นเข้า มันจะเป็นการเหมือนกับว่าไม่ให้ความสำคัญในเรื่องที่สัญญาไว้ว่าจะมาอธิบายความให้ฟัง

ทำไมผมถึงจะต้องขออนุญาตไม่แถลงข่าวมา 2-3 วันที่แล้ว แล้วจะขอมาพูดเรื่องนี้เอง เรื่องนี้ก็คือว่า ถ้าไปให้ข่าว แถลงข่าวเรื่องนี้เข้าล่ะก็ ที่ออกมามันจะเป็นคนละทิศคนละทาง คนละแควเลยครับ วันนี้ผมจำเป็นจะต้องเรียนให้ท่านผู้ชมทั้งหลายที่เป็นเจ้าของประเทศนั่งฟังแล้วก็รวมทั้งท่านที่อยู่นักการเมืองฝ่ายค้าน ฝ่ายวุฒิสมาชิก ให้ฟังซะพร้อมๆ กัน คือได้มีพยานทั้งหมดเลยว่าผมพูดยังไง อธิบายยังไง ถ้าใครจะเข้าใจยังไง ไม่เข้าใจยังไง ก็สุดแท้แต่ แต่ความหวังของผมเนี่ยหวังว่าประชาชนคนที่เป็นเจ้าของประเทศ จะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ที่ผมอธิบายให้ฟัง

**เฉไฉไม่เปิดอภิปราย

เรื่องทั้งหมดไม่มีอะไรยุ่งยากสับสนเลยครับ เป็นเรื่องปกติธรรมดาแท้ๆ ผมยืนยันว่าเมื่อสภาเปิดจังหวะนี้ล่ะก็ เขาก็จะดูจังหวะที่จะต้องทำงบประมาณ เขามีเส้นทาง พอเข้าไปวันแรกเขาก็มีตารางเรื่องงบประมาณให้เลยครับ วันนี้ต้องทำไอ้นี่ๆๆ มีหมดเลยครับ เขาเรียกว่าปฏิทินงบประมาณ เข้ามาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เขาก็บอกมาเรื่อย ก็ทำงบประมาณ สร้างงบประมาณ จนกระทั่งงบประมาณเข้าที่เข้าทาง เซ็นตรงนั้น เซ็นตรงนี้ ส่งไปทุกกระทรวง กระทรวงส่งกลับมา เตรียมการกันเสร็จหมด ก็ถึงวาระที่จะต้องขอเปิด เขาเรียกว่าเปิดวิสามัญเพื่อจะทำงบประมาณ ทำไมต้องทำอย่างนั้น ก็เพราะว่าสภาอยู่ระหว่างปิดสมัยประชุม เมื่อเวลาที่ต้องงบประมาณจังหวะเนี่ยต้องปลายเดือนมิถุนาฯ เกินกว่านั้นไม่ได้ สับสนหมด พอปลายมิถุนาฯ ที่กำหนดไว้ก็คือวันที่ 25 - 26 เผื่อเอาไว้ว่าจะยืดอีกวันก็ 27 ก็แปลว่า 3 วัน ธรรมดาก็จะมีเท่านั้นล่ะครับ เปิด 25 ปิด 27 ขอพระราชทานก็จะต้องขอไปอย่างนั้น ก็ตกลงเป็นอย่างที่ว่า

แต่ทว่า เรามีวิป เรียกภาษาฝรั่งว่าวิปนะครับ เขาแจ้งมาบอกว่างวดนี้เปิดวิสามัญขอได้เอื้อเฟื้อ มีกฎหมายอยู่ 3-4 ฉบับ ซึ่งถูกบังคับโดยรัฐธรรมนูญ ต้องทำให้เสร็จภายใน 180 วัน มีฉบับนี้ๆๆ ซึ่งเข้าคิวอยู่ จำเป็นต้องพิจารณา ผมก็พิจารณา ผมเป็นรัฐบาล เขาขอมาก็พิจารณา ก็ถอยหลังลงมา อ้อ วันที่ 25-26 งบประมาณ เอ้าถอยลงมาหน่อย ถอยให้เขาหน่อย ก็ 18-19 พอมั้ย ถ้าไม่พอเอา 4 วัน เอ้า 11-12 ก็แปลว่าจะได้พูดกัน 4 วัน คือ 11-12 , 18-19 คือพุธ-พฤหัสฯ พุธ-พฤหัสฯ 2 หนนะ แล้วต่อไปก็งบประมาณ

ก็เท่านี้ล่ะครับ ก็ทำเพื่ออย่างนี้เท่านั้นเอง แล้วก็ตกลงก็ส่งไปขอพระราชทาน ก็ขอเปิด เปิดวันที่ 29 แล้วก็ขอปิดวันที่งบประมาณเสร็จ ขอเปิดเพื่อการนี้เท่านั้นเองครับ แล้วเป็นยังไงครับ เพื่อการนี้ ก็ทุกคนก็เตรียมการ ผมก็ต้องเตรียมงบประมาณ ทุกกระทรวงก็เตรียมการกันหมด ก็เกิดว่า มีท่านที่เคารพ ที่อยู่สภาสูง อยู่สภาล่าง สภาผู้แทนฯ ท่านเกิดต้องการที่จะยื่นญัตติ ทีแรกก็มีไมตรีดีหรอกครับ แจ้งมาบอกว่าคุณอภิสิทธิ์จะมาหาผม คุณอภิสิทธิ์ท่านเป็นหัวหน้าฝ่ายค้าน จะมาหาผมที่ทำเนียบฯ จะมายื่นหนังสือ ผมบอกอย่าเลย คุณอภิสิทธิ์ เพราะผมก็ต้องไปทำงานที่สภาเหมือนกัน 11 โมงครึ่ง คือนัดวันนั้นนะครับ 11 โมงครึ่ง ผมจะไปรับ ไปเจอกันแล้วก็จะยื่น ก็ตกลงกันไว้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ถึงเวลาปรากฏว่า ก่อนจะถึงวันนั้น 4 โมงเย็น คณะของท่าน ลูกน้องของท่าน 20 คน ก็เข้ามาเลย เดินเข้ามา เดินกันเข้ามาถ่ายกันโก้หรูหรา ถือหนังสือมายื่น รองเลขาฯ ก็ลงไปรับหนังสือ ก็รับหนังสือมอบ ก็หนังสือที่คุณอภิสิทธิ์จะมายื่นให้ผม ซึ่งผมนัดจะไปรับเอง ก็ปรากฏว่าพรรคพวกท่านเอามายื่นให้ทางนี้ รับแล้ว ผมก็แจ้งไปบอกว่า แล้วแจ้งคุณอภิสิทธิ์ทราบนะ ว่าตกลงไม่ไปแล้วนะ เพราะได้รับแล้ว ก็เท่านั้นล่ะครับ รุ่งขึ้นก็มีข่าว ผมก็ต้องบอกโฆษกให้ช่วยแถลงทีเถอะ ว่าตกลงได้รับแล้ว หนังสือที่จะยื่น ไม่ไปแล้วนะ ข่าวออกมา สมัครเบี้ยวนัด ใครเอ่ยเบี้ยวนัด นัดแล้วไม่มา แล้วนี่มันแปลว่ายังไงครับเนี่ย แปลว่าที่เขาแถลงข่าวบอกว่าได้รับเอกสารแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะไม่มาตามที่นัดไว้

แหม...ออกข่าวกันเหมือนทำนองว่าสัญญาว่าจะมาแล้วไม่มา เห็นไหมครับ เรื่องเท่านี้เล็กๆ น้อยๆ ยังจะต้องระมัดระวัง ต้องระมัดระวัง ไม่มา กลายเป็นคนโอ๊ย อะไร นัดเขาแล้วไม่มาตามนัด ใครเอ่ยนัดแล้วไม่มา เป็นอย่างนี้กันน่ะ นั่นคือการเสนอข่าว พอเสร็จ เอาล่ะ โอเค เรียบร้อย หนังสือที่เขายื่นมาก็บอกว่ามาตรา 179 แปลว่ามีเรื่องงานการสงสัย รัฐบาลเปิดซิ แล้วก็อภิปราย คือก็เปิดอภิปรายตัวเอง ไม่มีการลงมติ ผมก็ได้รับแล้ว ผมก็ดูแล้ว ผมก็บอกว่าเอา ผมก็กำลังเตรียมการจะออกงบประมาณอยู่เนี่ย 3 วันนี่ยังไม่รู้จะชอกช้ำขนาดไหนเลย คือล่อกันทุกมาตรา อภิปรายกันหมด คืออภิปรายงบประมาณจะต้องมีการถามกันเสมอเลยมีอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือเปล่า ถามเสมอเวลางบประมาณ ก็เตรียมการกันไว้เพื่อการนี้ กฎหมายก็เดินหน้าไป วันที่ 11-12 ก็ว่ากันไป วันที่ 18-19 ก็จะประชุมกันต่อ วุฒิสมาชิกก็ยื่น ยื่นมาเลย ขออภิปรายไม่ลงมติ ยื่นมาก็ได้ ยื่นมาทางท่านประธานก็รับ การยื่นไปยื่นทางสภา สภาก็จะแจ้งให้ผมทราบ พอแจ้งปั๊บเดี๋ยวนี้ทันสมัยเลยนะ ไม่ต้องให้ท่านประธานแจ้ง เขาก็แจ้งทางข่าว ว่าวันที่ 23 ขอพูดเลย แล้วก็คาดคั้นว่า 23 ต้องตอบ ถ้าไม่มาตอบแปลว่าหลบเลี่ยง ถ้าไม่มาตอบก็ เห็นมั้ย คนนี้มันแย่จริงๆ รัฐบาลนี้ ต้องให้ไปต่อสู้ข้างถนน อุตส่าห์เอาเข้ามาในสภาแล้วยังไม่ใช้สิทธิ์ อย่างนี้ กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว

ผมนี่จะต้องตอบ ผมต้องตอบเป็นทางการแน่นอน ผมทราบแล้ว เพราะว่าเดี๋ยวนี้ทันสมัยตอบกันข้างนอกก่อน แต่ประธานรับแล้ว โห ก็อ้างเลย ประธานรับแล้วต้องบรรจุภายใน 7 วัน ก็บรรจุสิครับ ไม่มีปัญหา มันก็บรรจุ 7 วัน แปลว่าถ้าเขาบรรจุปั๊บต้องอภิปราย คือจะตีความกันแบบนั้น พรรคพวกผมบางคนก็อ่านหนังสือ เขาก็บอกว่า ถ้าบรรจุนี่ต้องเตรียมตัวว่าไง ผมบอกไม่ว่ายังไงน่ะ ก็ให้ท่านบรรจุ ไม่ได้แสดงอาการเดือดร้อนต่างๆ คือคนถามมาผมก็ตอบได้ แต่ทว่า วันที่ 25 จะอภิปรายงบประมาณ ทุกกระทรวงเตรียมการกันหมด จะต้องเข้าไปอยู่กัน 2 วัน 3 คืน อะไรก็สุดแท้แต่ กำลังดำเนินการ 25 จะอภิปรายงบประมาณ 23 จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจ

ท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้าของประเทศ ท่านช่วยลองคิดสิครับว่าอะไรมันสมควร หรือไม่สมควร พรรคประชาธิปัตย์ยื่นมาบอกขอให้พิจารณาตัวเอง ให้จัดการอภิปรายตัวเองตามมาตรา 179 ผมรับไว้ และเมื่อผมไม่อภิปรายก็แปลว่าผมไม่ใช้สิทธิ์นี้ แต่จะใช้อย่างนั้น ก็บอกเลย ถ้าอย่างนั้นจะไม่ไว้วางใจ ก็ใช้สิทธิ์สิครับ ไม่วางใจ ก็ยื่นเลยไม่ไว้วางใจ ไม่เป็นปัญหา ก็ยื่นมาสิครับ วุฒิสมาชิกยื่นมาก่อนผมก็ยังรับไม่ได้ เพราะผมเห็นว่าผมจะต้องทำงบประมาณ จะขอ 23 ประชาธิปัตย์จะขออะไรก็สุดแท้แต่ แต่มันมีช่องทางไหมล่ะครับ เปิดมาเนี่ย พระราชกฤษฎีกาไม่ได้กำหนดไว้เปิดมาเพื่ออะไร ก็เปิดมาก็เพื่อจะอภิปรายงบประมาณนี่ล่ะครับ ผมไม่เขียนใส่ไว้เท่านั้นล่ะครับ เผื่อว่ามีอะไรจะได้เติมได้ แต่มันไม่ใช่เผื่อเอาไว้ว่าไม่ไว้วางใจจะได้สอดแทรกเข้ามาได้

กำลังนี้ผมอยากให้ท่านสาธุชนทั้งหลาย ให้สังคมของประเทศชาติ ใครสนใจการเมือง ลองตรองดูสิครับว่า ไอ้นี่พรรคการเมืองนี่ สมัครเป็นนายกฯ มันหนีการอภิปราย เพราะกลัวเกรง หรือว่าเขารุกไล่กันจนกระทั่งไม่ดูตาม้าตาเรือเลย จะเอากันให้ได้ตรงนี้ จะเอาอะไร ฉันจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ อ้างเลยว่าถ้าไม่ใช้เวที ก็จะไปเทียบกับข้างถนนก็ว่ากันอย่างนั้น ทางนี้ก็จะเอาเข้าสภา เข้าสภาก็ยังไม่รับ ถ้ามันอยู่กลางสมัยธรรมดามันไม่มีปัญหา ยังไงก็ต้องรับครับ แต่นี่มันคาราคาซังกันอยู่อย่างนี้ แล้วทำการแสดงการเหมือนกับว่า ผมต้องย้ำตรงนี้นะครับ ผมไม่ได้กลัวไม่ได้เกรงท่าน บริหารมา 4 เดือนครับ 4 เดือนเท่านั้น จะชั่ว จะทำอะไรผิด ไม่ผิด ยังไม่ผิดเลย ผมจะยกตัวอย่าง อย่างเช่น อู๊ย แหม จะใช้คำนี้เดี๋ยวว่าผมอีก แต่ผมต้องใช้ล่ะ ไอ้คำว่ากระเหี้ยนกระหือรือเนี่ย พจนานุกรมบอกไว้แล้วว่าคำนี้ไม่หยาบคาย เพราะฉะนั้นใช้ได้ จะเอากันแล้ว ยังไงครับ พอคิดเท่านั้นล่ะ ความคิดดำเนินการ แน่นอนทุกอย่างมันจะต้องคิด ต้องแสดงการ ยังไม่ทันประกาศเชิญชวน ยังไม่ได้ปฏิบัติทั้งสิ้นเลยครับ โอ้โห ข้อกล่าวหามาหมด ผมถึงบอกว่าผมยิ้มได้เหรอครับอย่างนี้ คือทำไมรีบร้อนรีบกันเหลือเกิน เขาคิดจะแก้ไขปัญหา เขาเสนอความคิดมา เสนอความคิดมา มันต้องเห็นชอบตามความคิดก็จะเอาไปดำเนินการ

โอ้โห ล่อกันซะก่อน จนป่านนี้แล้ว อย่างนี้ก็เสร็จสิครับ อย่างนี้ผมแน่ใจว่าถ้าผมทำถูกต้องผมต้องดำเนินการต่อไป แต่ถ้าผมทุจริตผมก็ต้องหยุด ไม่ดำเนินการ แล้วความผิดมันจะอยู่ตรงไหนล่ะครับ ในเมื่อการเสนอความคิด

**ไขสือใต้โต๊ะ เช่ารถเมล์ 6,000 คัน

เอาล่ะพูดแล้วต้องอธิบายให้ฟังซะตรงนี้ เดี๋ยวจะว่าไม่อธิบาย ต้องหลบเลี่ยงในสภา รถ ขสมก.นี่นะครับ เดิมเขามีอยู่ 6 พันคัน วิ่งไปวิ่งมา ทรุดบ้างโทรมบ้าง เหลืออยู่ 3 พันกว่า แต่ก่อนนี้มีพนักงาน 2 หมื่นกว่า ลดลงมาเหลือ 18,000 ก็ยืนอยู่ 18,000 รถ ขสมก.จริงๆ วิ่งอยู่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งก็ให้รถร่วมฯ มาวิ่ง ก็แบ่งกันทำมาหากิน ก็ทำกันไปสิครับ รถร่วมฯ ถูกกว่าหน่อย ขสมก.แพงหน่อย สุดแท้แต่ ถึงราคาเท่ากัน มีรถอันนั้น รถสีเขียวมาช่วยวิ่ง ก็เป็นระบบช่วยกันอย่างนี้ แต่ว่าไอ้ตรงนี้ล่ะครับ ไอ้มีรถวิ่งอยู่ 3 พันกว่า มีคนแบกอยู่ 18,000 มันขาดทุนปีละหลายพันล้านครับ ปีละหลายพันล้าน เดือนหนึ่งขาดทุนประมาณ 600 ล้าน 12 x 6 = 72 ขาดทุน 6-7 พันล้าน ตัวเลขสะสมแบบนี้ขาดทุนเท่าไหร่ครับ ขาดทุนอยู่ 6 หมื่น คือเป็นหนี้เขาอยู่ 6 หมื่นล้านครับ แล้วก็วิ่งไปน่ะ ถ้าเผลอไปเผลอมาไม่สนใจก็จะถึงแสนล้าน ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลา สมัยที่ ก็จำได้ว่าหมื่นล้าน 12,000 ล้าน 15,000 ล้าน บัดนี้มาดูตัวเลข ตอนผมโผล่เข้ามานี่ มัน 6 หมื่นล้านครับ คนที่เขาคิด ดูแลรับผิดชอบเขาก็ลองดูซิมันเกิดอะไรขึ้น ก็ถึงว่าเอาวิกฤตเป็นโอกาส ที่เขาชอบใช้กันเนี่ย คือเวลานี้รถมันเติมน้ำมันดีเซล น้ำมันดีเซลลิตรหนึ่งก็เกือบจะ 40 บาทอยู่แล้ว แต่ถ้าหากผมใช้แก๊ส NGV มันราคา 8.50 บาท มันราคา 10 กว่าบาท สุดแท้แต่ มันน้อยกว่ากันประมาณ 3 เท่า

เขาก็คิดอ่านกันว่า ถ้าจะเปลี่ยนองคาพยพ พูดง่ายๆ ว่า ไอ้รถทั้งหมดน่ะ มันหมดสภาพใช้งาน หรือทรุดโทรม อะไรก็สุดแท้แต่ เขาจะโละออกไปทั้งหมด แปลว่าต่อไปนี้ ขสมก.จะไม่มีรถร้อน ไม่มีรถอะไรล่ะครับ จะวิ่งกันเนี่ยรถแอร์ทั้งนั้น เป็นรถแอร์ทันสมัย แล้วก็ ที่มันทำได้เพราะมันใช้แก๊ส เมื่อรถแอร์ใช้แก๊สแล้ว ราคามันก็ถูก เมื่อถูกแล้วก็จะมีกำไรที่สามารถจะเอาไปเลี้ยงตัวได้ ก็ทำอะไร ก็เอามาคืนให้ประชาชนตรงที่ว่า ทำเป็นบัตร เขาเรียกเป็นการ์ด แบกพนักงานไว้ 18,000 ก็จะออกสักครึ่งหนึ่ง ให้เออร์ลีรีไทร์ ก็จะหาเงินมาจ่ายให้เป็นที่พอใจให้เออร์ลีรีไทร์ออกไป ต่อไปนี้ใครขึ้นก็มีบัตร มีการ์ดเสียบ คนธรรมดามีตั๋วเดือน ขึ้นได้ทั้งวัน เมื่อไหร่ก็ได้ ก็ประมาณไว้ว่า 900 บาท ก็เสียบเข้าไปได้ นักเรียน นักศึกษา โตหน่อยก็ 600 บาท นักเรียนเล็กก็จะเอา 300 บาท ถ้าเผื่อว่าคนที่เขาเรียกว่า Senior Citizen เรียกให้โก้เป็นภาษาฝรั่ง ก็ประชาชนที่อายุมากแล้ว ก็ผู้สูงอายุ เขาก็จะเอา 450 แปลว่าทุกอย่างนี่คิดทอนออกมาแล้วมันถูกทั้งนั้น ประทานโทษขึ้นได้ทุกวัน 30 วัน คิดทอนออกมาแล้วก็ถูก

เขาทำอย่างนี้ได้เพราะว่าเขาจะลดพนักงานลงไป เขาใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ ทำไมต้องทำอย่างนี้ครับ ดัดจริตมั้ย ทันสมัยมั้ย นี่ทำไม่ได้แล้วครับ เพราะการสอบสวนของเขาบอกว่า น้ำมันเนี่ย ลักลอบเอาไปขายได้ครับ แต่ว่าแก๊สมันลักลอบไม่ได้ ใส่แก๊สเติมเข้าไปแล้วมันลักลอบเอาไปขายไม่ได้ แต่น้ำมันถ่ายไปขายได้ เอ้า ใครจะว่ายังไง ตั๋วเนี่ยทำไมใช้การ์ดอิเล็กทรอนิกส์ ก็เพราะว่าตั๋วนี่เขาเรียกภาษา ว่าขี่ช้าง หมายความว่าไง ตั๋ว 10 ใบ ก็ทำให้ได้ 12 ใบ ทำให้มันเหลื่อมๆๆ เขาเรียกขี่ช้าง แล้วก็ได้สตางค์ อย่างน้อยได้กำไร 2 คน สมมุติถ้าคนละ 8 บาท ก็ได้มา 16 บาท ก็ทำอย่างนี้ เขาก็ทำกันแบบนี้ เพราะฉะนั้นที่เขาป้องกันกันทั้งหมด เขาคิดให้ฟัง เขาบอกว่าถ้ารถเป็นอย่างนี้ รถติดแก๊สทั้งหมดก็สามารถบริการได้อย่างนี้ แล้วก็มีการขู่เข็ญกันเลยว่า พวกรถร่วมฯ เขาจะทำยังไง พวกรถร่วมฯ คุณก็หากินของคุณต่อไป แต่คุณควรจะพัฒนา คุณจะต้องติดแก๊ส ไม่งั้นคุณสู้ทางเราไม่ได้ คุณจะต้องดูราคา คุณจะต้องปรับปรุง คุณไม่ปรับปรุงคุณก็แบก คุณวิ่งได้ ก็พูดกันไว้ชัดเจน เท่านี้ล่ะครับเป็นความคิด เสนอความคิด สำนวนเขาเรียกว่าโยนหินถามทาง ทำนองนั้นล่ะครับ โอ้โห ขอประทานโทษด้วย ถ้าเวลาอย่างที่เขาเรียกว่าเอาไก่ลงไปโยนที่ฟาร์มจระเข้ ที่ยังไม่ทันถึงน้ำ ก็โดดงับเลย ทันทีเลย อะไรก็ตามแต่ ใครที่เลี้ยงสุนัขอยู่นี่รู้จักเลย มันคล่องแคล่ว โยนปั๊บไม่ทันตกดิน กระโดดงับเลยทันที ผมก็ไม่กล้าเอามาใช้กับสำนวนคน นี่เรียกให้ฟังว่า เวลาโยนก็เป็นอย่างนี้

ไอ้การโยนหินถามทางเนี่ย มีคนจัดการทันทีเลยครับ โอ้โห บอกแสดงหลักฐานครบถ้วนหมดเรียบร้อยเลย แล้วข้อกล่าวหาเป็นไง ข้อเท็จจริงคือ คือเขากล่าวหาว่าเนี่ยรถได้คันละล้าน ได้คันละล้านบาท ผมเนี่ยได้ 2 พันล้าน 6 พันคันเนี่ย ผมได้ 2 พันล้าน คุณหญิงพจมานได้ 2 พันล้าน คุณเนวิน ชิดชอบ ได้ 2 พันล้าน คนวิ่งเต้นคิดอ่าน ทั้งหมดนี่ล่ะครับ รถ 6 พันคัน ได้คันละล้าน แล้วมันจะได้มาจากไหน ในเมื่อข้อหลักการ เพราะว่าเวลานี้เขาเช่ารถมาวิ่งอยู่นี่เขาเช่าคันละ 5 พัน นี่หลักการเขาก็จะเช่าเหมือนกัน คือเช่าราคาเหมือนเดิม แต่เอามาแล้วเอามาปรับปรุงองคาพยพได้ นี่เช่ารถนะครับ ไม่ได้ซื้อรถนะ แล้วมันยังไงครับ ไอ้ไปเช่ารถเขาเนี่ย เขาให้ตกลง ไปเช่ารถให้คันละล้านบาท เช่าเนี่ยจ่ายค่าเช่าเนี่ย ให้คันละล้านเหรอ มันเกินมั้ยครับ พูดกันซะให้ชัดเจนเลย ก็ขอบคุณล่ะครับ อุตส่าห์ แหมรีบร้อน จัดการจะนั่นไป นี่นะครับ อธิบายความอย่างนี้

ผมจะเปิดสภาอภิปราย มันไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวนี่ครับ ร้อยแปดพันเก้าต้องเอาสับมาโขกกัน ผมย้ำเลยนะครับ งบประมาณ 2-3 วันข้างหน้าเนี่ย ไม่รู้จะชอกช้ำขนาดไหน แต่ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ ผมย้ำให้ฟังว่าเวลาที่พูดไปพูดมา โดนมากๆ เข้า นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลจะต้องร้องถามว่า นี่อภิปรายงบประมาณหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจครับเนี่ย เราก็หัวเราะกันครืนๆ เป็นทำนองอย่างนั้น

**ตีฝีปากด่าฝ่ายค้านกระเหี้ยนกระหือรือ

นั่นล่ะครับ กำลังจะทำวันที่ 25-26 อาจจะข้ามไป 27 ถ้าเขาต้องการมากกว่า เสร็จแล้ววันที่ 23 วุฒิสมาชิกขออภิปรายไม่ไว้วางใจ มันไหวมั้ยครับ ประชาธิปัตย์บอกให้ 179 ให้ทำเอง ผมก็บอกว่ายังไม่ทำ ไม่ทำก็จะยื่นเลย ก็ต้องให้ยื่นสิครับ ก็ยื่นมา แล้วทำไง โอ้โหกฎหมายบอกยื่นแล้วต้องบรรจุ ต้องบรรจุเรื่องด่วน อภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องด่วน แล้วถามว่างบประมาณไม่ด่วนเหรอครับ งบประมาณก็ด่วนครับ ไม่ไว้วางใจก็ด่วน แล้วทำอะไรก่อนครับ ไม่ไว้วางใจก่อนเหรอครับ แล้วขยายเวลางบประมาณออกไป โอ๊ย ผมไม่ทำหรอกครับ เปิดมาน่ะของผมขอปิดไว้เรียบร้อยแล้วครับ เปิด-ปิดทำไว้เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ถึงเวลาต้องปิดครับ เขาทำเขาก็ทำกันอย่างนี้ ผมก็ทำตามแบบฉบับ เพียงแต่คราวนี้เปิดโอกาส กฎหมายฉบับนี้ๆๆ ถ้าไม่ทำภายใน 180 วัน เดี๋ยวจะต้องผิด ก็เลยจะต้องเปิดให้ทำเสียก่อน แล้วงบประมาณก็สุดท้าย ไม่มีอะไรผิดปกติในทางการเมืองเลย ที่ผิดปกติก็คือว่า ขออนุญาตใช้เป็นหนที่ 2 นะครับ "กระเหี้ยนกระหือรือ" จะเอากันให้ได้

กระเหี้ยนกระหือรือจะเปิดอภิปรายให้ได้ แล้วถ้าไม่ยอมเปิด แปลว่าไม่ทำตามกติกา บอกว่า เขาด่าว่าเขาเล่นกันข้างถนน อุตส่าห์จะเอามาในสภา ถึงในสภาก็ไม่ยอม แล้วผมถามว่าถ้าท่านเป็นพรรคประชาธิปัตย์ แล้วผมเป็นฝ่ายค้าน จะยอมมั้ยครับ สภาพเดียวกันเนี่ย พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอยู่เวลานี้ สภาพอย่างนี้ ยอมเปิดมั้ยครับ ผมไม่ได้ดื้อรั้น ไม่ยอมรับ ผมไม่ได้คิดว่ากลัวเกรงอะไร 4 เดือนยังไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเลยครับ

อย่างเมื่อกี้ พอเริ่มต้นโยนหินถามทางว่ารถเมล์จะปรับปรุงอย่างนี้ ก็เท่านั้นล่ะครับ กระโดดเข้ามา ข้อกล่าวหา ยังดีนะอยู่ในเว็บไซต์นะครับ ไอ้เมื่อกี้นี้ ไอ้ 6 พัน 3 พัน 2 พัน อยู่ในเว็บไซต์ ลงฉบับไหนโดน ผมซัดทันทีเลย ถ้าเอามาพิมพ์กล่าวหาในหนังสือพิมพ์ล่ะโดนซัดทันที กำลังให้ทนายตรวจสอบดูอยู่ มันอะไรกันนักหนาล่ะครับ นี่ล่ะครับก็เลยจำเป็นต้องอธิบายความให้ฟังซะก่อน

นี่ล่อเข้าไป 30 นาที เขายกป้าย ครบถ้วนนะครับ ผมเชื่อว่าหัวหน้าฝ่ายค้าน นักการเมืองฝ่ายค้านทั้งหลาย ท่านสาธุชน ท่านเจ้าของประเทศ ผมต้องอธิบายอย่างนี้เองเพื่อเข้าหูท่าน ใช้วิจารณญาณท่าน แล้วต่อไปนี้ใครจะไปบิดเบือนยังไงก็สุดแท้แต่ ต้องขอลากเอามาวันนี้ล่ะครับ ต้องพูดกันวันนี้ เพื่อว่าฟังพร้อมกัน เข้าใจพร้อมกัน รู้เหตุผลพร้อมกัน แล้วทางฝ่ายค้านจะทำยังไงก็สุดแท้แต่ ผมไม่ว่าล่ะครับ ให้ไปกล่าวหามาเลยว่าผมทำผิด ผมทำขาดอะไร ว่ามาเลย ไม่มีปัญหา

แต่ว่าต้องบอกตรงนี้เลยว่าไม่ได้คิดจะกลัวเกรงอะไรเลยครับ ตอบคำถามน่ะ ไอ้คนปากจัดพรรคโน้นมี ทางผมก็มีผมปากจัด จะซัดยังไงก็ซัดได้ครับ ไม่ได้ท้าทายหรอกครับ พรรคการเมืองนี่จะกอกแกกๆ ยังไง จะรวมกัน นักการเมือง 6 พรรคก็ขอรวมกัน วันนั้นเขาก็ไปคุยกัน ก็เรื่องไม่เปิดเผยก็ไม่เปิดเผย ไปกินข้าว คุยกัน ผมแสดงความไม่พอใจ ตอบข้อข้องใจซะหน่อย ก็ผมโทรศัพท์นัดกันว่า 5 คน อีก 5 พรรค ไม่ได้บอกใครเลย แล้วผมเลือกเวลา เลือกวันอังคาร วันอังคารมีแต่ประชุม ครม.เสร็จแล้วผมก็จะปลีกตัวไป

**แจงเหตุตาขวางใส่สื่อ

ผมก็นึกว่านั่งคุยกัน 6 คนสบายๆ เลือกชั้น 32 เพื่อนึกว่าทางโรงแรมเขาก็คงจะไม่ให้ใครขึ้นไป ยังไง เช้ามามีคนบอกแล้วครับ ประชุม ผมก็ไม่ตอบคำถาม โผล่ขึ้นไปถึงเวลาไหน คนมันเต็มหมด คนจะไปคุยกัน 6 คน 8 คนเท่านั้นเอง คน 8 คน ก็มี 2 ท่าน คุณบรรหารท่านเอาคุณสนั่นไปด้วย คุณรัฐมนตรีผู้หญิงท่านเอาคุณบรรยิน ไปด้วย ทั้งหมดมีคน 8 คนเท่านั้น

แล้วมันหนาแน่นกันหมด ผมแสดงความประหลาดใจมั้ยครับ ผมมองในสายตาของผมว่าคุณขึ้นมากันทำไม มาได้ยังไง ทำไม ใครปล่อยให้คุณมาอย่างนี้ แล้วคุณทำไม คุณไม่ได้คิดอะไรแต่อะไรเลย จะเอาให้ได้เลย เหมือนจะฟ้าถล่มดินทลาย ถ้าหัวหน้าพรรคการเมือง นัดกินข้าวกันเมื่อไหร่แปลว่าโลกมันจะปริแล้วหรือไง รอยเลื่อนตรงไหนมันจะเลื่อนยังไงแล้ว มันเกินไปครับ

ผมก็เลยมองซะหน่อยว่ามันเป็นยังไง โหย โดนด่าอีกครับ เขียนด่าผม อ้างชาลี แชปลิน อ้างโน่นอ้างนี่ โอ๊ย คนที่เขียนก็ขาประจำที่ด่านั่นล่ะครับ หน้า 3 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐนั่นล่ะ เกลียดกันมาจากยุคไหนก็ไม่ทราบ ผมก็ไม่ทราบได้ โอ๊ย เอาไปด่าๆ เสร็จแล้วก็มาด่า ลงท้ายด่าผม วันก่อนเหมือนกัน ไอ้เรื่องผู้ดี ก็ยกย่อง อ.คึกฤทธิ์ ยกย่องคุณอานันท์ ปันยารชุน แล้วก็เหยียบย่ำผม

แหม ลงข่าวว่าคุณอานันท์น่ะลูกพระยา ผมก็ลูกพระยาครับ แตกต่างตรงไหน คุณอานันท์มีลูกสาว 2 คน ผมเคยกระเซ้าเลย ท่านมีลูกสาว 2 คน ผมก็มีลูกสาว 2 คน แต่ผมเก่งกว่า ผมออกทีเดียวมาด้วยกัน ฝาแฝด ทำยังไง พ่อผมพระยาเหมือนกันครับ แต่ว่าคุณตาผมก็พระยา เอ้าว่ายังไง พูดอย่างนี้ เอาแล้ว เป็นเหยื่อแล้ว เป็นเหยื่อ ข้าจะต้องเขียนวิพากษ์วิจารณ์แล้ว เคยไปพูดเรื่องราชอิสริยาภรณ์เข้าหน่อย โอ้โห ด่ากันยังไม่จบจนวันนี้

วันนี้ผมก็ต้องแบบนี้ล่ะครับ เขียนว่าผม เหมือนกับผมเป็นหัวหลักหัวตอให้โขกสับเล่นได้ เกลียดชังกันมาขนาดไหนครับ ด่าเอา ว่าเอา เขียนอะไรก็ตามแต่ แม้กระทั่งมองหน้าก็เอาไปหาเรื่องไปด่า เป็นทำนองเหมือนกับไอ้คนบ้ามามอง เรื่องชาลี แชปลิน ไอ้คนหน้าขาว คนในการ์ตูนไม่ออกเสียง ตัวละครใบ้น่ะ ผมก็โดนด่า ผมก็ต้องตอบโต้บ้างตามสมควร ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่ นะครับ ก็สุดแท้แต่เถอะครับ จะเอาอย่างนั้นก็ ไม่รู้เกลียดชังกันมายังไง ด่าทุกวัน ด่าเอาๆ เขียนไปอย่างโน้นอย่างนี้ ก็เอาซะบ้างตามสมควร ผมก็ไม่อยากพูดหรอกครับ อย่าไปด่าสื่อ สื่อเขาดีกับเรา ก็ดีๆ เถอะครับ ผมก็ขอบคุณ แต่ไม่ดีผมก็ต้องอธิบายให้ฟังบ้างตามสมควร

**สาธยายปัญหากระเทียม

เอาล่ะครับ ก็เข้าใจเรื่องนะครับ ต้องขอเวลาเนี่ยเกินมาแล้ว 40 นาที ขอใช้เวลาตรงนี้ ในแต่ละเรื่องให้ดูครับ สิ่งที่ผมควรจะต้องพูดกับท่านทั้งหลาย มาตรงนี้ นี่ๆๆ เมื่อเช้านี้นะครับ ผมออกแต่เช้ากว่าธรรมดานะ ออกเร็วกว่าครึ่งชั่วโมง ผมออกเร็วกว่าชั่วโมง วันนี้จะทำอะไร จะมาเปิดรายการชิมไปบ่นไป (หัวเราะ) ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้มายั่วกิเลสใครยังไง แต่ทว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คนนี้เขามาหา กระเทียม นี่ กระเทียมเชียงราย กระเทียมศรีสะเกษ นี่นะครับ นี่กระเทียมไทยนะ กระเทียมครับ มาร้องทุกข์ ทำยังไง ปิดถนน กระเทียมปิดถนนครับ แล้วก็บอกเลยว่า เขาจะขาย เขาจะรับซื้อแค่ 15 บาท 18 บาท มาขอ 23 บาท ทำยังไง ไม่งั้นปิดถนน เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ติดต่อกันไม่ได้ โอ๊ย ดูในข่าวแล้วผมก็ต้องมาพิจารณาดู อยากให้ท่านผู้ชมทราบนะครับ อันนี้แห้งแล้วนะครับ กระเทียมนี้ เป็นจุกนะ เรียบร้อยดีมากเลยนะครับ เนี่ย นี่ไทยนะ ถ้าคนอื่นชาติอื่นเขาโตกว่านี้ โตเบ้อเริ่มเทิ่มเลย นี่ไทยครับ แกะออกมาแล้วก็อย่างนี้ล่ะครับ ถ้าเชียงใหม่เล็กกว่านี้นิดนึง นี่เชียงราย แม่ฮ่องสอน ไอ้ตัวเหตุนะครับ เขาบอกว่ารับซื้อแค่ 15 ยังได้ 18 เขาอยากได้ 23 ต้องรีบคิดเลขในใจนะครับ ต้องคิดนะครับ ต้องคิดทันทีนะครับ แล้วต้องแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้หลับหูหลับตา ไม่ใช่โดนใครเขาด่าเอาอีกนะ 23 เนี่ย เวลากระเทียม 1 กิโลฯ สดๆ ที่ไปซื้อเขา 23 เนี่ย เป็นกระเทียมแห้งออกมาอย่างนี้ ใช้เท่าไหร่ทราบไหมครับ 3 ต่อ 1 100 กิโลฯ ได้ 35 กิโลฯ 3 ต่อ 1 ครับ เพราะฉะนั้นซื้อเขาเนี่ย 23 เท่ากับซื้อ 69 ซื้อ 69 นี่เคราะห์ดีนะครับ ว่ากระเทียมดีมันแพงขึ้นมา แต่ก่อนนี้กระเทียมชาติอื่นเขาขาย กิโลฯ ละ 45 บาท แกะแล้วเนี่ยโลละ 45 ของเราขายโลละ 70

กำลังนี้ ของเขาขึ้นมากิโลละ 90 กระเทียมศรีสะเกษกิโลละ 100 บาท ขายอยู่ตลาด ของเขาดีนะครับ หอม มีกลิ่น มีแรง เรียกว่านั่นเลยเชียว ฝรั่งจะชอบใช้กระเทียมไม่มีกลิ่นก็เรื่องของฝรั่ง จีนก็ใช้แบบจีน กินเป็นผักอย่างนั้น ฟ่ามๆ แต่ของเรากินเป็นกลิ่น กินไปเพื่อเป็นกลิ่นเครื่องเทศ แล้วผมเอากระเทียมมาให้ดูเพื่อจะบอกว่า ซื้อเขาไว้ 69 แล้วเวลาจะขายเนี่ย จริงๆ แล้วลงไปก็ต้องเหลือ 23 เท่านั้นครับ เพราะฉะนั้นจริงๆ ซื้อไว้ 23 สามหน ถึงจะเหลือ 1 กิโลฯ แปลว่า 1 กิโลฯ ที่แห้งเท่ากับ 69 เวลานี้ราคาของศรีสะเกษดีที่สุด คือ 100 บาท ราคาเชียงใหม่ เชียงราย รองลงไป กำลังนี้ ก็คือ 90 บาท 80 บาท ก็ยังพอมีกำไรครับ แต่ต้องอธิบายให้รู้ไว้ว่า วันนี้จะมาชวนให้ท่านทั้งหลายไปกินกระเทียมครับ แล้วต้องกระเทียมไทยด้วยนะครับ ดีกว่ากระเทียมเทศตั้งไม่รู้เท่าไรๆ ล่ะครับ ผมยืนยันนะครับ นี่ ท่านซื้อกระเทียมอย่างนี้ มีจุกมัดอย่างนี้ ไม่ใหญ่โต แล้วแกะแล้ว ซื้อแกะแล้วดีกว่าครับ นี่นะครับ นี่กระเทียม 1 กิโลฯ มันมากขนาดไหน นี่ 1 กิโลฯ นั่นก็ 1 กิโลฯ แกะได้ ทำได้

ขอเรียนให้ทราบว่า วันนี้มาชักชวนเพราะอะไรครับ เพราะชอบไปซื้อกระเทียมต่างชาติ ผมก็กลัว WTO จะมาว่าผม ไม่ออกชื่อล่ะครับ ไอ้หัวโตใหญ่ๆ มันซอยง่าย พวกกุ๊ก พวกคนทำเขาชอบ แต่คนไทยเราเนี่ย ถ้าทำกับข้าวเอง แม่ครัวทั้งหลายฟังไว้ ต้องใช้กระเทียมอย่างนี้ครับ รสชาติที่เรียกว่าฉุน มีกลิ่น เพราะงั้นวันนี้จะเอามาทำไม ผมไปเมื่อเช้านี้ ผมใช้เวลาครึ่งชั่วโมง มาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง ผมไปซื้อเมื่อกี้นี้ แม่ค้าถามว่าทำไมมาเร็ว นี่ วันนี้ไม่ได้มาชิมไปบ่นไป แต่จะบอกให้ฟังว่า กระเทียมนี่นะครับ มันเป็นของที่เรียกว่า เอ้า ดูถ้าตำน้ำพริกก่อน น้ำพริกถ้วยนี้ น้ำพริกกะปินะ ดูนะ กระเทียมส่วนนึง นี่กระเทียมนะ นี่กะปิ กะปิดี นี่กระเทียม กะปิ น้ำตาล น้ำปลา มะนาว พริกขี้หนู เห็นมั้ย แล้วก็มะเขือพวง โบราณใส่มะอึก วันนี้ไปเจอมะอึกเลยซื้อมาให้ดู ไม่รู้จักมะอึก นี่นะ มันต้องใส่น้ำพริกนะ ต้องขูดขนออกก่อนนะ แล้วหั่นซอยๆ เดี๋ยวนี้มะอึกหาไม่ได้ นี่ใส่มะเขือพวง เด็ดซะก่อนนะ แล้วบุบให้มันแตกหน่อย แล้วก็มะนาว เห็นมั้ย นี่ก็คือน้ำพริก นี่ดูเนี่ย น้ำพริกปลาทูนะ ผักเป็นไง นี่ผักทอดครับ นี่ชะอมชุบไข่ทอด มะเขือชุบไข่ทอด สำเร็จรูป ซื้อมาให้ดูเลยนะ นี่ผักดิบครับ นี่ผักดิบผักสด ถ้าเป็นหน้าอหิวาต์ต้องงดเสียดีกว่านะ ทีนี้ก็นี่ ดู นี่เป็นผักต้ม นี่กะหล่ำปลีต้ม มะระต้ม มะระขี้นกนะ นี่ดอกสลิด หรือเรียกว่าดอกขจรเนี่ยนะ ดอกแค นี่กระเจี๊ยบ นี่ถั่วฝักยาว นี่ผักต้มนะ นี่ผักดอง อันนี้ผักเสี้ยน นี่ผักหนาม นี่หัวหอมดอง ก็ต้องมาด้วยกันนะครับ 10 บาททั้งนั้นนะเนี่ย นี่ผักดิบนะครับ กระถิน ถั่วฝักยาว หน่อไม้ต้ม หน่อไม้ลวก นี่ขมิ้นขาว มะเขือ ผักดิบ ผักสด นี่เอามาให้ดูเพื่อจะบอกว่าหัวใจมันอยู่ตรงนี้ครับ กระเทียมต้องกระเทียมไทย กระเทียมดี กะปิดี น้ำตาลต้องอย่างนั้นครับ ไม่เปรี้ยว นี่ครับมะนาวอย่างนี้เปรี้ยวแท้ๆ มะเขือพวงให้ดูหน้าตามันดีอย่างนี้หน่อย พริกขี้หนูอย่างนี้ เม็ดโตนิดหนึ่ง ต้องการให้เผ็ดมากโขลกแรงๆ ให้เผ็ดน้อยโขลกเบาๆ เห็นมั้ยครับ กระเทียมเนี่ยหัวใจมันอยู่ในนี้ครับ นี่มาโฆษณาคงจะไม่มีใครว่าทำอะไรนะครับ

ทีนี้กระเทียมทำยังไงอีกครับ กระเทียมกินสดๆ ปอกแล้วใส่ปากเลยเหรอ อย่าทำอย่างนั้นครับ เอาอย่างนี้นะ เชียงราย ปอกแล้วก็หั่น หั่นกระเทียม เอาขนมจีนมาวาง เอาขิงซอย มะนาว พริกขี้หนู พริกป่น กุ้งแห้งป่น น้ำตาล แล้วก็กะทิ ก็เอาไปเคี่ยวหน่อยให้มันแตกมันซะหน่อย นี่เขาเรียกอะไร ขนมจีนซาวน้ำ ขนมจีนใส่ปั๊บ เอาไอ้นี่โรยไป กระเทียมหั่นๆๆ ขิงโรง กระเทียมโรย กุ้งแห้งป่นแล้วก็โรย พริกป่นใส่ตามชอบ พริกขี้หนูเผ็ดหน่อยเม็ดเล็ก มะนาวบีบ น้ำปลา นี่วันอาทิตย์ใครไปซื้อมา ขนมจีนซาวน้ำ อร่อยแน่นอน โปรตีนอยู่ที่นี่ บำรุงสายตาอยู่นี่ นี่เผ็ด ไขมันอยู่นี่ นี่คาร์โบไฮเดรต นี่เป็นพวกเครื่องเทศ คือกระเทียม ดีขนาดไหน แต่ว่าใครทำกับข้าวผมจะบอกให้ฟังครับ หัวใจอยู่ตรงนี้ครับ หัวใจของการทำกับข้าว กับข้าวไทยไม่ต้องใส่ผงชูรสนะ นี่ รากผักชี เอามาให้ดูเด็กๆ ไม่เคยเห็น รากผักชี กระเทียม พริกไทย ต้มอะไรหม้อหนึ่งเนี่ย เอากระดูกหมูต้มน้ำเปล่าๆ ใส่น้ำปลาก็กินได้ ขาหมูหั่นใส่น้ำปลากินได้ อะไรที่ต้มเป็นน้ำซุบ ใส่น้ำปลากินได้ทั้งนั้น แต่ทว่าเขาก็ไปใส่ผงชูรสกัน กำลังนี้ นี่คือผงชูรสไทยนะ รากผักชี เอามาหั่นขวาง มันจะได้เป็นเสี้ยน หั่นละเอียด นี่กระเทียม พริกไทย 3 อย่างโขลกละเอียดเลยครับ น้ำแกง 1 หม้อ ก็ 1 ช้อน โขลกลงไปกระเทียมสัก 10 กลีบ พริกไทยสักครึ่ง สักช้อนโต๊ะนี่นะ แล้วก็รากผักชีสัก 4-5 รากอย่าไปใส่ทั้งเสี้ยนๆ นะ หั่นให้ขวาง แล้วโขลกให้ละเอียด ใส่ไปในหม้อน้ำซุบ นี่คือผงชูรสไทยครับ อร่อยกว่าหลายขุม เติมน้ำปลาเข้าไปหน่อยเดียวเท่านั้นเอง

นี่มาคุยให้ฟังเพื่อจะบอกว่า เอากระเทียม กระเทียมกลีบๆ นั้นดีนะ เดี๋ยวนี้ต้องกระเทียมโทน ไปดูเถอะครับ ให้มันแพงขึ้นไปอีก ไปคัด กระเทียมโทนคือกระเทียมหัวเดียวกลมๆ กระเทียมกลมๆ เป็นตุ้มนั่นเรียกกระเทียมโทน เขาก็เอาไปทำกระเทียมดอง คนเอาไปทำยาเขาก็เอากระเทียม 1 กิโลฯ มะนาว 25 ลูก บีบใส่กัน ก็ไปทิ้งให้มัน แล้วก็เอาน้ำมากิน เขาบอกว่ารักษาโรคได้ ก็ไปหาดูรายละเอียดกันแล้วกันครับ

ฉะนั้นที่พูดกันเนี่ย อุดหนุนหน่อยสิครับ ผมซื้อกระเทียมเขาไว้ 23 บาท เพื่อไม่ให้เขาปิดถนน ขู่เข็ญมั้ยครับ แหม จะขู่ ไม่ขู่ ดูแล้วมันนึกถึงทางภาคอื่นเขาทำกัน ภาคอื่นเขาทำไง ภาคอื่นเขาทำอย่างนี้ครับ เขาจะซื้อของนี่นะครับ พอออกมาเยอะปั๊บซื้อเลยครับ 13-14 โล ซื้อหมดเลย ชาวบ้านต้องเซ็นชื่อเลย ใครเป็นเจ้าของ ซื้อหมดล่ะครับ 13-14 แล้วเก็บไว้นะครับ แล้วก็ปิดถนนครับ วันเสาร์-วันอาทิตย์ ปิดถนนเลยครับ วันจันทร์เรื่องเข้ามากรุงเทพฯ วันอังคารเข้า ครม. ครม.อนุมัติ 500 ล้านไปซื้อ 500 ล้านไม่สูญเปล่านะครับ ส่ง 500 ล้านไป เสร็จแล้วไปซื้ออะไร ซื้อ 17 , 18 , 19 ซื้อมา 13-14 นี่ล่ะครับ ซื้อ 17,18, 19 กำไรทันทีแล้วนะครับ มีบัญชีเสร็จเลย ชื่อคนนั้นๆ เจ้าของเสร็จ ต้องซื้อกับราษฎรนะ เสร็จเรียบร้อยแล้วยังไง ใส่โกดังเก็บไว้ครับ พอถึงหน้าขาย ขายเท่าไหร่ ขาย 27 ขายหมดเปล่า ขายหมดครับ 27 แต่ของไม่ไปครับ 27 ของไม่ไปครับ นั่นขายปลอมนะ มีคนจ่ายเงินมั้ย จ่ายเงินครับ เรียบร้อยเลยครับ เสร็จแล้วพอถึงขายจริงๆ เขาเรียกว่า User จริงๆ ไอ้พวกพรรค์อย่างว่า ยี่ห้อนี้ๆ 32 เห็นมั้ยครับ ซื้อไว้ 13-14 ปิดถนนปั๊บ 2-3 วัน เสร็จ ตรงเข้ามา ครม.อนุมัติไปเลย 500 ล้าน เสร็จแล้วก็ไปซื้อๆๆๆ กำไร 4-5 บาทต่อกิโลฯ ซื้อๆๆ เสร็จเรียบร้อยเก็บเข้าโกดัง ถึงหน้าขายราคาขึ้นแล้ว ขาย 27 ได้เงินคืนรัฐบาลเรียบร้อย ไม่เสียหาย 27 แต่ขายจริง 32 เนี่ยเขาเรียกกินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว อย่างนี้ล่ะครับ ผมก็มาคิด เขาบอก คุณสมัครยี่ห้อนี้ ผมบอกอย่าๆๆ ผมไม่คิดว่าทางราษฎรภาคเหนือจะประพฤติอย่างภาคอื่นที่เขาทำกัน ใครจะคิดทำอย่างนั้น ผมก็บอกเราใช้มาตรการเดียวกับเรื่องข้าว แปลว่าต้องเป็นเกษตรกรไปซื้อมาเก็บไว้ แล้วทำอย่างที่ว่าเนี่ยนะ ซื้อ 14-15 มาขาย 18-19 ปิดถนน รัฐบาลให้เงินไป ครั้งนี้รัฐบาลไม่ให้เงินล่ะครับ บอกให้ไปซื้อ ให้ไปซื้อตามราคาที่ขอมา เอ้า ใครซื้อตามนี้ ยอมเลยครับ ซื้อน่ะไม่ได้โง่ เดี๋ยวบางคนจะว่าโง่ เพราะว่าตรวจสอบก่อนครับ 1 ต่อ 3 ซื้อไว้ 100 กิโลฯ จะได้กระเทียมแห้งอย่างนี้ได้ 35 กิโลฯ เพราะฉะนั้นเท่ากับซื้อ 69 ครับ แต่ว่าเคราะห์ดีกำลังนี้ราคากระเทียมในตลาดมันขึ้นมา 80-90

ศรีสะเกษมาเป็นดุ้นยังไม่แกะนะ 100 บาท ดู อ.ต.ก.สิครับ โอ้โห ผมนับดูเมื่อกี้ ยาวประมาณสัก 5 เมตร สูงประมาณสัก 2 เมตร กว้าง 2 เมตร กระเทียมทั้งนั้นเลยครับ แม้แต่ราษฎรก็ทำ ผมชอบตรงนี้ เขาทำอย่างนี้ อย่างให้ดูรู้เลยครับ ไทยแลนด์แดนศิวิไลซ์ มาอย่างนี้เลยครับ ก็ขอร้องนะครับ วันนี้ขอร้องให้ท่านทั้งหลายช่วยกันกินกระเทียมหน่อย กระเทียมก็ไปทำใส่แคปซูล มันดีทั้งนั้นล่ะครับ แต่ข้อสำคัญสุด ขอให้กินกระเทียมไทย ให้ซื้อกระเทียมไทย และอุดหนุนกระเทียมไทย นี่สำคัญนะครับ พ่อบ้านแม่เรือนทั้งหลายทำกับข้าวกินเอง นี่ครับ รากผักชี กระเทียม พริกไทย นี่คือผงชูรสไทยเลย ไม่ต้องใส่ผงชูรสเลยครับ กระเทียมดี ตำน้ำพริกออกมาดีนะ นี่ตลาดเขาใช้พริกเม็ดใหญ่ ไปอีกแบบหนึ่ง เขาต้องการให้สีสันสวย จริงๆ ใช้อันนี้ครับ ไอ้พรรค์อย่างนี้ หน่อไม้ต้ม ไม่ต้องปลาทูหรอก นี่จิ้มนี่ก็อร่อยแล้ว ข้าวร้อนๆ ที่ชมว่าร้านนี้เขาเก่งนะ ใส่แล้วก็คลุกข้าว ถ้ามีไข่เค็มลูกหนึ่งผ่ามาก็ใช้ได้ ไข่เจียวโปะลงมาก็อร่อยแล้วครับ ดีหน่อยมีหมูทอดกระเทียมพริกไทยยิ่งดี กุ้งยิ่งดี ยิ่งแพง อร่อยทั้งนั้นล่ะครับ แต่ที่มันดีก็คือว่า ไปดูเศษเนื้อสิครับ เศษเนื้อเศษหมูที่เขาทิ้งไว้

เมื่อวานไปถามที่เชียงใหม่ โอ๊ย ประหลาดไหมครับ สมัยผมเด็กๆ นะเนื้อวัวกิโลฯ ละ 15 เรากินไม่ได้นะ 15 แพง เขาก็แล่ๆ เนื้อวัวเขาก็ต้องเนื้อล้วนๆ ไอ้เศษหนังพังผืดอะไรต่าง เขาก็มากองไว้ 3 บาทเท่านั้นล่ะครับ เศษๆ นั่นล่ะ 3 บาท แล้วไอ้ความจนนี่ล่ะครับ เอาเศษไปต้มกับหอมใหญ่ มันฝรั่ง แล้วก็มะเขือเทศ ก็ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย แบบไทย ต้มก็เรียกว่าเป็นซุป แต่ใช้เศษเนื้อกิโลฯ ละ 3 บาท ไอ้เศษเนื้ออันนี้ความจนนะ เอาไปบด เข้าเครื่องบด ตลาดมีเครื่องบด ซึ่งตอนนั้นย่านตลาดบางลำพูนี่ พอบดเสร็จเขาเอาผักชี่ ยี่หร่า คั่ว เสร็จแล้วก็เอาโขลกเป็นผง มาคลุกแล้วเอาเกลือใส่หน่อย แล้วคลุก เขาเรียกว่าเนื้อนางเล็ด เขาเอาหวายมาทำเป็นกลมๆ เอากระด้งมาวาง หวายเป็นอัน ก็หยิบมาปั้นเท่าลูกปิงปอง แล้วก็แผ่ พอมันชนขอบหวายก็ดึงขอบหวายออก แล้วเขาก็วาง นั่นล่ะครับแดดเดียวสมัยโบราณ เนื้อนางเล็ด แดดเดียว ไปเอาแดดมันก้อเด้งปึ๋งหลุดออกมาหมด แล้วเขาก็เอาตอกมาร้อยเป็นพวง 10 บาท สมัยนั้นแพงแล้วนะ อันละบาท สุดท้าย แต่ก่อนมัน 10 อันบาท แล้วก็อันละบาท ไอ้นี่ล่ะครับ แดดเดียวนี่ล่ะครับ หรือสองแดดก็สุดแท้แต่ แห้งหน่อย ร้อนๆ นะน้ำมัน ทอดแฉ่ มันจะพอง ดูเหมือนที่อยู่ในแฮมเบอร์เกอร์ พองเลยครับ อย่าไปใส่ขนมปังนะ น้ำพริกถ้วยอย่างนี้ล่ะครับ คลุกข้าวร้อนๆ แล้วเนื้อนางเล็ดที่ว่า สมัยก่อนกินเนื้อกันนะ แล้วทอดลงไป แหมมันฟูนอก ฟูข้าง ฟูใน ใส่ปากชาม ข้าวชามโตหน่อยก็ 2 แผ่น ชามเล็กก็แผ่นเดียว อะไรมันจะยอดหาไหนเป็นไม่มี เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนใหม่อีกแล้ว เอาหมูมาหั่นแทน อร่อยเหมือนกัน ถ้ายิ่งใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ปนโขลกไปหน่อยนะ แล้วผักชี ยี่หร่าปนนิดหนึ่ง คั่วก่อนนะแล้วป่น แล้วก็ใส่เกลือป่นหน่อย น้ำปลาก็ได้ แล้วก็เอาตอกแข็งๆ มาวางเป็นวงกลม ปั้นเท่าลูกปิงปองแล้ววางแบๆ แล้วตากแดด วางบนกระด้ง นี่มาเล่าให้ฟังเพื่ออะไรครับ เพื่อจะได้บอกว่า ไอ้ในน้ำพริกนี่หัวใจมันคือกระเทียม แล้วกระเทียมต้องเป็นกระเทียมไทย แล้ววันนี้กระเทียมไทยราคามันตกต่ำ ก็อธิบายความให้ฟังไว้นะครับ

อยากจะบอกอย่างนี้ว่า ถ้าหากว่าไทยไม่ช่วยไทยแล้วใครจะมาช่วยเรา เพลงเขาบอกอย่างนั้นครับ ผมก็ทำตามหน้าที่ของผมได้ แล้วนี่ก็คงจะไม่ได้ผิดกฎบัตรกฎหมายอะไรนะครับ ให้ทราบว่าเมื่อมีอะไรที่เราพอรู้ ก็ไปดู เรื่องกระเทียมนั้นจะบอกให้คนที่กำลังชี้หน้าด่าบอกว่า ไอ้โง่ ไปซื้อได้ยังไง ไม่โง่หรอกครับ ถามก่อน ก่อนจะตัดสินใจเซ็นลงไปให้เขาซื้อ ความจริงเขาตกลงกัน 22 นะ ไม่ใช่ 23 เขาขอมา 23 ผมก็บอกให้ไป 23 เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าเอา 22 พอ เขาก็ตกลงกันได้ แต่ที่เล่าเรื่องประวัติให้ฟังเมื่อกี้นี้ ก็คงจะไม่เหมือนกันนะครับ คงจะไม่ประพฤติเหมือนภาคอื่นที่เขาทำกันนะ ไอ้แบบที่ว่าซื้อๆๆๆๆ จดชื่อไว้เสร็จหมด แล้วก็พอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ก็ปิดถนน เสร็จแล้วก็มาขอ ครม.ให้เงินไปซื้อ เสร็จปั๊บ ซื้อก็ซื้อ ไปซื้อก็กำไร 5 บาท ถึงเวลา 27 ไม่ขายหรอกครับ แต่ขายนะครับเอกสารมาครบถ้วนหมดเลย แล้วเงินก็มาครับ แต่ว่าของจริงไปขาย 32 ขออนุญาตนะครับ เล่าให้ฟัง

ตอนนี้จะคุยให้ฟังว่าเมื่อวานนี้ผมไปทำอะไรมา ผมไปประชุมที่เชียงใหม่ เพราะเขาบอกว่าเชียงใหม่เมื่อตอนสงกรานต์ หลวม นักท่องเที่ยวหลวม ก็เลยไปช่วยเขาหน่อย ก็ไปประชุมครับ โอ้โห ผู้คนมามากมาย ทีแรกเขาจะเอา 17 จังหวัด เริ่มที่เชียงใหม่ จะเอา 17 จังหวัดภาคเหนือ ก็บอกขอภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด เขาคุยกันเรียบร้อยดีครับ ไปคุยกันเลย ถามเรื่องโน้นนี้ อะไรต่างๆ ตกลงคุยกันเรื่องจะสนับสนุนต้องมีศูนย์ประชุม จะได้มีงานไปนั่นต่างๆ หน้าโลว์ซีซั่น มิถุนาฯ กรกฎาฯ สิงหาฯ กันยาฯ ต้องช่วยหน่อย คนต้องหมั่นไปประชุมกันภาคเหนือหน่อย ให้มันเคลื่อนไหว โรงแรมเนี่ย เขามีสาเหตุนะ ไปหาสาเหตุ เขาบอกสาเหตุตั้งแต่ปี 04 พอสึนามิปัง ใครจะมาใต้ไม่มาก็มาเหนือ เหนือตัวเลขก็ขึ้น ตัวเลขขึ้น โรงแรมก็สร้าง อะไรๆ ขึ้นหมด พอบัดนี้ทางใต้เขากลับสู่สภาพเดิม นักท่องเที่ยวก็เฉลี่ยไปทางใต้ ทางเหนือก็หลวม ก็มีเหตุนี่ครับ พอรู้สาเหตุเขาก็ช่วยกันคิดดี คุยเรื่องโรงแรม เรื่องบริการโรงแรม เรื่องอาหารการกิน เรื่องห้องน้ำห้องท่าต่างๆ เรื่องผังเมืองที่มีปัญหา คุยกันเรื่องของเส้นทาง การเดินทาง การเดินทางรถยนต์เป็นยังไง เรื่องบริการรถในเมือง เรื่องของเครื่องบิน สายการบินจะมา ไม่มา น้ำมันแพงเลยไม่มา หรือไม่มาเพราะอะไร ก็ช่วยหมดครับ ประชุมกันหมด ผมก็รับมาเลย รับหน้าเสื่อมาเลย ก็หน้าที่ต้องเป็นอย่างนั้น ไปคุยให้ฟัง เหมือนสมัยนี้เขาต้องเรียกว่าไปเวิร์กช็อป แต่งตัวกันธรรมดา ใส่เสื้อตามสบาย เสร็จเรียบร้อยผมก็กลับ เขาให้ไปลงเรือ ลงแม่น้ำปิง โอ้โห ถ่ายกันอยู่ข้างๆ นั่นล่ะครับ ลงเรือไปดูตรงหัวโค้งที่เขาจะขุด เขาขุดไม่ได้ ให้ไปดูหน่อย โอ๊ย สองฟาก เหมือนไอ้ตัวประหลาดอยู่ในเรือเลยครับ ถ่ายกัน เดินก็ถ่าย เข้าโรงแรมก็ถ่าย เดินออกก็ถ่าย พอถึงเวลาแถลงข่าวไม่ค่อยสนใจเท่าไรหรอกครับ นั่งกันแกนๆ เท่านั้นเองแล้วก็จบ ผมก็เดินทางกลับ พอกลับมาก็เรียบร้อยครับ ไม่มีปัญหา

คืออยากจะเรียนให้ทราบว่า เอาอย่างนี้ดีกว่า มันไม่ใช่หมดประเด็นนะ ยังไม่อยากเปิดประเด็นอื่น เอาแต่ที่เขาเขียนมาวันนี้

คำถาม

อยากให้ดำเนินการกับเอเอสทีวี ใช้ถ้อยคำหยาบคาย โจมตีนายกฯ ทุกวัน ขอให้ดำเนินการโดยเร็ว ก็ไม่สบายใจ

- ก็จะเรียนให้ทราบนะครับ ท่านรัฐมนตรีฯ มหาดไทย ท่านดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ แล้วท่านแถลงแล้วนะครับ ไม่ได้สั่งปิด แต่ว่าจะดำเนินคดีเพราะไอ้ความหยาบคาย หมิ่นประมาทคนอื่นเขา เคเบิลทีวีทั้งหลายถ้าใครดูอยู่ ก็ฟังไว้ก็แล้วกันครับว่า คุณถ่ายทอดอันนั้นไป คุณก็ทำผิดด้วย เขาก็จะฟ้องคุณ เท่านั้นครับ เขาไม่ได้สั่งปิดคุณนะ คุณไม่ถอด คุณก็เอาไว้อย่างนั้นก่อนแล้วกัน ให้ทำลายลักษณ์อักษร เขาก็คงทำไปให้ล่ะครับ เขาก็คงเตือนไปให้ เพราะว่าไปอยู่บนสายไฟฟ้าเขาด้วย ไปทำความผิด เพราะงั้นถ้าคุณถ่ายทอดคุณจะผิดด้วย เขาเตือนเท่านั้นล่ะครับ แล้วเขาจะดำเนินคดี ทั้งเจ้าตัวต้นฉบับ ก็ดำเนินคดี ถ้าใครทำผิดแล้วดำเนินคดีจะก่อให้เกิดอะไรขึ้น ก็ไม่มีปัญหาล่ะครับ คนที่ดำเนินการก็ต้องรับผิดชอบ ก็ดำเนินการแล้วนะครับ

อยากให้รัฐบาลออกกฎหมายตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินพวกแกนนำที่ประท้วง

- อ๋อ... ครับๆๆ แบบเดียวกับสอบรัฐมนตรีเหรอครับ เขาไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้นี่ครับ เขาก็ไม่ได้มาจากเลือกตั้งตรงไหน พวกผมนี่ล่ะครับมาจากเลือกตั้ง ถูกขึ้นทะเบียนเรียบร้อยหมดเลย ตรวจสอบหมดเลยครับ ไอ้โน่นผิด ไอ้นั่นซุก ไอ้นี่ซ่อน โดนหมดล่ะครับ นี่กำลังโดนอีก 2 รัฐมนตรีนะครับ ก็ขอเรียนให้ทราบไว้เท่านั้นเอง

มีคนถามคำถามครับ บอกว่า แล้วยังไง ยังไม่โปรดเกล้าฯ รัฐมนตรีแต่งตั้งแล้ว ก็ทางข้างในเขาบอกผมมาว่า คิดว่าผมจะปรับตรงนี้ ก็เขาจะสู้ถึงศาลนี่ครับ ผมก็เลยยังล่ะครับ ต้องกราบเรียนไว้ข้างใน ก็ต้องเวลาโปรดเฝ้า รัฐมนตรีจะได้ทำงาน ทีแรกก็นึกจะทำเสียให้เสร็จหมด ก็คดีความจะต้องดำเนินการต่อไปนะครับ

ไอ้นี่ก็เรียนตอบคำถามว่าไปตรวจสอบเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่ขึ้นทะเบียนครับ ชื่อเสียงใครอยู่ยังไงก็ไม่ทราบ ทั้ง 5 ท่านเลือกตั้งกันเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ผมเนี่ยเลือกตั้ง 23 ธันวาฯ ปีกลายนี้ ต้องไปขึ้นทะเบียน ต้องไปลงทะเบียน กกต.ต้องไปให้ใบมา ถือใบไปสภา สภารับเสร็จแล้ว หูย...กรอกอะไรอีกมากมายครับ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ต้องไปเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เสร็จแล้วก็เข้าสภา ยังทำอะไรไม่ได้อีก ต้องยื่นคำแถลงนโยบาย เสร็จ นั่นล่ะครับ ถึงจะเซ็นหนังสือทำอะไรต่ออะไรได้ พิธีกรรมเยอะครับพวกผมน่ะ แต่ว่าพวกที่เขามากันตามใจชอบอย่างนั้นตรวจสอบไม่ได้หรอกครับ แต่ก็คงพอเห็นนะ ก็ตรวจทางโทรทัศน์ได้ครับ ถ้าไปทำความผิดอะไรนะครับ

โห ทำไมสื่อนิยมข่าวม็อบมาก น่าจะนำเสนอข่าวเป็นประโยชน์

- ไม่ได้หรอกครับ ไม่ได้เลย เขาบอกข่าวต้องเป็นข่าวครับ นะ ข่าวต้องเป็นข่าว ไม่งั้นคงไม่กล้าว่าสื่อหรอกครับ เดี๋ยวพันธมิตรฯ เล่นงานผมอีก เขาชอบเสนอข่าวก็เรื่องของเขานะครับ

จะต้องรวมประชาชนกี่คนที่จะยื่นศาลต่อพวกชุมนุม เพราะเดินทางติดขัดลำบาก ทั้งเด็ก ผู้ปกครอง

- ก็ลองฟ้องดูสิครับ จริงๆ แจ้งความตำรวจ ตำรวจฟ้องให้ครับ แจ้งความดีกว่าครับ อย่าไปทำเองเลยครับ นะ แจ้งความแล้วตำรวจดำเนินการให้ ก็ยินดีครับ ถ้าหากมันติดขัดกีดขวางนะ

เมื่อไหร่จะเลิกประท้วงกันเสียที

- ต้องไปถามที่สะพานมัฆวานฯ นะครับ ถามผมไม่ได้หรอกครับ ผมเนี่ยเพียงแต่บอกว่าคุณทำผิดกฎหมาย คุณอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เท่านั้นล่ะครับ เท่านั้น ไปพูดเท่านั้นล่ะครับ โอ้โห ทำไมผมถึงต้องไปพูดเมื่อวันเสาร์ก่อน ก็ข่าวมาบอกว่าจะล้อมทำเนียบฯ จะยึดทำเนียบฯ ผมก็ต้องไปพูดว่าอย่าทำอย่างนั้น พูดเท่านั้น โอ๊ย เอาเข้าเลย เป็นทำนองว่านายสมัคร ประกาศสงคราม จะเอาให้ตาย จะหักล้าง ตำรวจบอกไม่เคยพูดสักคำเดียวว่าจะเป็น 5 โมงเย็น พูดเอง เออเอง ประกาศบอกว่า 5 ตำรวจขีดเส้นตาย โอ้โห กระโดดกันออกมาเป็นฝอยๆๆๆ นักวิชากง นักวิชาเกิน ล่อกันหมดเลย แพ้แล้ว รัฐบาลจะสลายม็อบ รัฐบาลแพ้แล้ว แล้วจะทำไงครับ ผมก็ต้องถอยออกมา มอบให้ตำรวจดำเนินการ พอดีเขาได้รับโปรดเกล้าฯ ทำหน้าที่เต็มที่ ว่าคุณรับไปดูแลแล้วกัน คุณช่วยดูไป หนักหนายังไงก็บอกมาอย่างนั้น ก็ต้องอย่างนี้ล่ะครับ เขาเรียกภาษาสำนวนไทยไว้วันละคำ เขาเรียกว่า ก็คาราคาซังกันอยู่อย่างนี้ล่ะครับ คาราคาซังกันอยู่อย่างนี้ บ้านเมืองจะไปยังไง ที่เสียหายแน่นอนคือเรื่องท่องเที่ยว เสียหายแน่นอน ใครเขาจะอยากมา มีเรื่องไอ้พรรค์นี้อยู่กลางเมือง อะไรต่างๆ ธุรกิจการค้าเสียหายครับ ความไว้วางใจทำอะไรต่างๆ ก็พูดกันแล้วครับ จะปฏิวัติกันอีกแล้ว เรียกร้องกันอย่างโน้นอย่างนี้ จะเอากันอีกแล้ว แล้วจริงไหมครับ ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาลผมต้องบอกเป็นไปไม่ได้ครับ เป็นไปไม่ได้เลย บ้านเมืองควรจะสงบเรียบร้อย แต่ก็ก่อการกันอย่างนี้ บรรดาสื่อสารทั้งหลายเขาคงรายงานทั้งสองซีกล่ะครับ แต่ทางม็อบตื่นเต้นเขาคงรายงานที่ตื่นเต้นมากกว่า ทางผมก็จืดชืดไม่ค่อยมีอะไรนะ

คูปองช่วยเหลือคนจนต้องติดต่อไปทางไหน

- ยังครับ เขากำลัง เขาเริ่มหาหนทางว่าจะทำยังไง จะโอนเงินเข้า จะเอาเงินสด ขอรอนิดนะครับ นิดหน่อย

นโยบายออกตั๋วรถเมล์นั่งได้ทั้งวัน เป็นนโยบายที่ดี เคยมีการใช้มาแล้ว ไม่พอใจ จึงยกเลิก

- ฮ่าๆๆ (หัวเราะ) นี่ล่ะครับ นานๆ ทีจะเจอคนที่ตามทัน นี่ล่ะครับ เพราะน้ำมันมันถ่ายได้จึงต้องใช้แก๊ส ถ่ายไม่ได้ครับ เพราะตั๋วมันขี่ช้างได้ เอาการ์ดพรรค์นี้ล่ะครับ เดินทางได้ทั้งวันนี่ล่ะครับ เขาทำอันนี้ได้เพราะเขาต้องเปลี่ยนระบบเป็นแก๊สทั้งหมด มันจะได้เสีย 10 บาท ดีกว่าเสีย 40 บาท มีเหตุผลนะครับ แต่พวกที่มีเหตุผลดีกว่าเขาบอกว่า หูย หลักฐานพร้อม จะแฉเลยใครได้เท่าไหร่ ยังไง โอย

ราคาแก๊สหุงต้มทำยังไงให้ถูกลง ควรเปิดเผยต้นทุนให้ทราบ

- เรื่องไอ้การจะเปิดเผยต้นทุนต้นรอนอะไรเนี่ยมันไม่เป็นปัญหาหรอกครับ มีกฎหมายบังคับให้ดูได้ แล้วก็สำคัญสุดกำลังนี้ก็ เขาขายของ เขาไม่ได้ขายราคาจริงนะครับ เขาเอาอะไรมาชดมาเชยกันอยู่เนี่ย รายละเอียดผมจะให้ท่านรัฐมนตรีท่านมาคุยให้ฟังเอง รัฐมนตรี พล.ท.(หญิง) นะ

อยากให้ทำสะพานคนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแทนเรือข้ามฟาก

- โห มีคนเคยคิดเคยบอกแล้วครับ ประเทศอื่นเขาก็ไม่ค่อยมีกันนะครับ นอกจากว่าทำสะพานใหญ่ แต่ไม่ให้รถเดิน แต่ให้คนเดิน ที่ฮังการีนะ แม่น้ำดานู้ป เขาก็ทำสะพานให้คนเดินข้าม ทำหลายสะพานนะ ทำนี่เขาเพื่อไม่ให้รถนะ เขาทำบันไดขึ้นเลย สะพานใหญ่นะ แต่บันไดขึ้นหัว-ท้าย ก็แปลว่าให้คนเดิน จะเอาอย่างนั้นก็ได้ครับ แหม แต่มันมโหฬารนะครับ ใครอยากจะทำ ก็เอา ลงเรือก็เฉพาะหน้า จากนั้นก็ไปรถ ทำสะพานเดินข้ามนี่ แหม ผมกลัวเดี๋ยวก็ หัวเราะเยาะอีก ก็ขอบคุณนะ

นโยบายช่วยเหลือคนจน 400 บาท มีวิธีการยังไง จะได้รู้ยังไงว่าคนจนจริง เป็นนโยบายที่ดีแต่ควรจะทำบัตรสมาร์ทการ์ด

- ครับๆๆ คุณหมอสุรพงษ์ เป็นคนจะอธิบายความเรื่องนี้นะครับ

ที่ประกาศขึ้นราคาน้ำตาล ชาวไร่อ้อยยังไม่ได้รับ

- เขาจะต้องเอาไปใช้หนี้ครับ ที่ได้มาเนี่ย 6,700 กว่าล้าน ท่านทั้งหลายที่เป็นคนถามมาเนี่ย ท่านเป็นหนี้เขาอยู่ 17,000 ล้านครับ การปรับราคาตรงนั้นน่ะ หนี้ของท่านลดลงไป 6,700 กว่าล้านครับ ยังไม่ได้ไปตรงนั้นล่ะครับ เดี๋ยวเขาต้องจัดการครับ เรื่องนี้ท่านต้องได้ประมาณ 804

อยากให้นายกฯ ดูแลเรื่อง กบข. ครูเทศบาล ซึ่งไม่มี กบข.เหมือนกระทรวงศึกษาฯ

- ครับ กำลังดู คือ กบข.เขาได้รับความสำเร็จอย่างยิ่งเลยนะครับ แล้วระบบเนี้ยกำลังจะแพร่หลายไปในส่วนที่ว่า เขาก็ไม่อยากได้บำเหน็จ จะทำบำนาญกันเนี่ยนะครับ กำลังเริ่มต้น หลายหน่วยงานที่จะขอมา ซึ่งเขาบอกว่ารับได้ เขามีวิธีการนะ กำลังจะดูแลให้ คือแต่ก่อนนี้รัฐบาลเป็นคนให้บำนาญนะ เอางบประมารไปจ่ายบำนาญ หารายได้ก็สะสมบำนาญ เดี๋ยวนี้เขาหักเลยครับ เอ้าคุณให้เท่านี้ รัฐบาลให้เท่านี้ แล้วเขาก็ตั้ง กบข. เขาเก่งครับ เขาบริหารเงิน แล้วเขาเป็นคนจ่ายบำนาญจากเรื่องนี้

อยากให้ท่านแก้ปัญหาสังคมควบคู่เศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดและการพนัน

- มันก็แบ่งงานกันทำล่ะครับ กำลังนี้ก็ได้ผู้ ป.ป.ส.ได้คนมือเก่ามาทำเนี่ยนะครับ ตำรวจอะไรต่างๆ ก็จะช่วยงานกัน มันไม่เป็นปัญหาหรอกครับ ยาเสพติด การพนัน การพนันก็ปราบ มันผิดกฎหมายนะครับ แต่กำลังนี้ พอบอกว่าอยากจะทำให้มีการพนันถูกกฎหมาย โอ๊ย ผมก็พูดอีกไม่ได้หรอกครับ พูดอีกเดี๋ยวก็โดนอีก ก็ล่อกันยาวอีก แต่จะบอกไว้นะครับ ฝรั่งมังค่าเนี่ยมันเปลี่ยนแปลงนะครับ มันไม่เรียกว่ากาสิโนแล้วครับ เดี๋ยวนี้ เขาทำใหญ่โต เขาเรียกว่า Entertainment Complex แล้วไม่ใช่กาสิโนบ้าเลือดแบบทางลาสเวกัสนะครับ เขาทำทุกอย่างหมด เขามีกีฬา เขามีบันเทิง เขามีอะไร ครอบครัวไป ใครอยากไปเล่นก็เล่น ตรงที่เล่นเนี่ยนะเขาจะมีไม่เกิน 15% เขาเรียกว่า Game Area นี่ความทันสมัยนะ Game Area ครับ คือว่าสร้างขึ้นมาเป็น Complex มีทุกอย่าง ไปทั้งครอบครัวก็ได้ แต่ใครจะไปเล่น ไปตรง Game Area มี 15% นอกนั้น 85% นั้นเป็น Entertain เขาว่าอย่างนั้นนะ กำลังนี้ใครมีบ้าง เวียดนามกำลังมีแล้วครับ เวียดนามอยู่ชายทะเล ตกลงกันแล้วครับ เขาจะมีนั่น กัมพูชาก็มีครับ แต่ไทยยัง คงยังมีไม่ได้ครับ แต่ว่าถ้าหากจะมีก็ต้องอธิบายความให้ดู แล้วก็ต้องมีกฎหมายมารองรับว่าไอ้ Game Area 15% น่ะยอมได้มั้ย ถ้ายอมได้เราก็จะมี Entertainment Complex ก็เล่าเปิดไว้ให้ฟังนะครับ หวังใจว่าคงไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่าไอ้สมัครเอาอีกแล้ว นะ

อยากให้ช่วยเหลือการประนอมหนี้ธนาคาร ช่วยประชาชนกำลังลำบาก กรุณาขึ้นค่าแรง

- ถ้าเป็นหนี้นะครับ ไปขึ้นตรงค่าแรงมันแก้หนี้ไม่ได้ แต่ว่าช่วยในการประนอมหนี้ ทำได้ครับ ถ้ามีเงินเดือนเป็นหลักฐาน แล้วก็เอามาเข้าระบบ ไอ้ประเภทร้อยละ 10 เอามาเข้าระบบ ระบบนี่ร้อยละ 8 ต่อปีครับ ร้อยละ 10 มันต่อเดือน แปลว่าปีละ 120 นะ 120 ต่อปี แต่ว่าร้อยละ 8 แล้วก็ผ่อนชำระทั้งต้นทั้งดอก นะ เรื่องนี้มีหนทางช่วยได้ครับ เดี๋ยว ส่งรายละเอียดมาแต่ละคนแล้วจะดูยังไง

อยากทราบเรื่องการสร้างถนนเพชรเกษม แยกมาลัยแมน มีแต่ตอม่อ ไม่ดำเนินการ รถติดเป็นแถว

- อ่อ ผมต้องไปดูให้ กำลังนี้นะ ผ่านครั้งหลังสุดก็ไม่ทันสังเกตครับว่ามีแต่ตอม่ออยู่ตรงนั้น

อย่าพูดเรื่องสินค้าโอท็อป

- โอ๊ย มันจะสรุปจบได้ยังไง ไม่ใช่อย่าพูดนะ ต้อง"อยากให้พูด" เขียนว่าอย่าพูดเรื่องสินค้าโอท็อปได้ยังไง อยากให้พูดเรื่องสินค้าโอท็อปบ้าง เพราะตอนนี้เดือดร้อนมาก เฉพาะผ้าไทยขายไม่ออก ทำยังไงดี เมื่อวานผมก็ เขาบอกเคยขายผืนนึง 6 พันบาท ผ้าทออย่างดีเลยนะ แล้วคนหิ้วเอามาให้ดูบอกว่า ถ้าขาย 3,500 แทบจะกราบเลย เพราะจะได้มีเงินไปใช้อะไรต่างๆ ผมก็เลย ต้องซื้อ 2 ผืน เคย 6,000 เขาขาย 3,500 อธิบายความยากจน ความเดือดร้อนให้ดู ต้องซื้อ 2 ผืน คงไม่หลอกหรอกครับ เพราะคนที่เอามาขายให้เป็นคุณครู เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน

บางคนแพ้แอร์ อึดอัด รถเมล์ร้อน

- มีครับ รถเมล์ร้อนมีแน่นอน อ๋อ แพ้แอร์นะ รถเมล์ร้อนมีแน่นอน ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ปัญหาคือเวลาหมดครับ ต้องขอขอบพระคุณที่ได้กรุณาส่งคำถามเข้ามา เพราะว่าผมอยากจะคุยเรื่องอื่น แต่ว่ากลัวมีเรื่อง ก็เลยเลี่ยงมาตอบคำถามซะ ได้ตอบคำถามเยอะนิดหนึ่งนะ รายการคงจะมีเหมือนเดิมนะ ก็ลองดูแล้วกันครับว่าสิ่งที่ผมพูด พูดเอง เพื่อไม่ให้ผ่านออกข่าวให้เข้าหูท่านเลย โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังที่ผมได้อธิบาย ทั้งฝ่ายค้าน ผู้ดำเนินการทางการเมือง และท่านประชาชนผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์ กรุณาด้วย ผมทำหน้าที่ของผมแล้วนะครับ ท่านก็ลองดูซิจะว่ายังไง แต่ว่าวันที่ 25 นี่ล่ะครับ อภิปรายงบประมาณ วันนี้เวลาหมดนะครับ อาทิตย์หน้าพบกันใหม่ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น