xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” มั่ว อ้าง กม.อาญา สั่งผู้ว่าฯ ปิดสัญญาณ ASTV

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
“หมัก” หมดท่าขอใช้บริการ “ด็อกเตอร์เหลิม” เค้นเอาผิด ASTV ให้จงได้ เปิดตำรา กม.มั่ว สั่งผู้ว่าฯ ตรวจสอบเคเบิลทีวีที่รับสัญญาณไปเผยแพร่  ด้าน"ประชา"ได้ทีสอพลอ หนุนลูกพี่เต็มสูบ ขู่พันธมิตรฯ ชุมนุมได้ศุกร์นี้เป็นวันสุดท้าย หากยังดื้อจัดม็อบต้านแน่

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ให้สัมภาษณ์ 

วันนี้ (13 มิ.ย.) มีการประชุมประจำเดือนกระทรวงมหาดไทย โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ

ในที่ประชุมนายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเฝ้าติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวสาขาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และหากจังหวัดใดมีทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้านก็ต้องดูแลแก้ไขปัญหา อย่าให้เกิดการเผชิญหน้ากัน โดยควรเร่งชี้แจงทำความเข้าใจโดยด่วน

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าฯ ที่ฟังอยู่เตรียมปากกาขึ้นมาจดข้อกฎหมายที่ตนศึกษามาและนำไปชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ เคเบิลทีวีหรือสถานีโทรทัศน์ระบบบอกรับในจังหวัดของท่านที่รับเอาสัญญาณของช่องเอเอสทีวีไปเผยแพร่ต่อนั้น ถือเป็นการทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 ฐานโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด ซึ่งผู้ว่าฯ ต้องใช้มาตรการทางการปกครองขอร้องผู้ประกอบการเคเบิลทีวีให้ยุติการออกอากาศ หากขอร้องแล้วไม่ได้รับความร่วมมือผู้ว่าฯ ต้องแจ้งความดำเนินคดี

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวในที่ประชุมว่าช่วงบ่ายให้ผู้ว่าฯ เรียกประชุมผู้บังคับการตำรวจแต่ละจังหวัดเพื่อหารือถึงการดำเนินการเรื่องนี้ว่าปล่อยให้มีการกระทำผิดได้อย่างไร การรับสัญญาณของเอเอสทีวีไปเผยแพร่ต่อ ต้องถือว่าเจ้าของเคเบิลมีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องเด็ดขาด อย่างไรก็ตามไม่ได้คิดทำเรื่องนี้เพราะถูกโจมตีหรืออาฆาตมาดร้ายพันธมิตรฯ แต่นายกรัฐมนตรีมอบหมายขอใช้บริการของกระทรวงมหาดไทย เพราะเคยทำได้ดีในเรื่องการดำเนินการกรณีเว็บไซต์ไม่เหมาะสม 29 เว็บไซต์ ทั้งนี้หากผู้ว่าฯ มีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำสามารถติดต่อกลับมาได้ที่กระทรวงมหาดไทยโดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและอธิบายเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ พร้อมขอให้มั่นใจเพราะตนได้ศึกษาข้อกฎหมายมาอย่างถ่อยแท้แล้ว

จากนั้นร.ต.อ.เฉลิม ได้แถลงข่าวหลังการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ว่า การถ่ายทอดสดของเอเอสทีวีซึ่งมีสถานนี้แม่อยู่ในกรุงเทพไปเผยแพร่ในภูมิภาคนั้นมีกระบวนการกฎหมาย ตนและคณะได้ทำการศึกษา ในประเด็นว่า 1. ใครเป็นคนทำผิด 2. ใครเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด 3. ใครเป็นผู้ใช้จ้างวานให้กระทำความผิด 4. ใครเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิด แต่ในความเป็นจริงแล้วมีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 ระบุไว้ชัด ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีโทษจำคุก ไม่ต่ำกว่า6 เดือนผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่ง วรรค 2 ถ้าได้มีการกระทำผิดเพราะเหตุที่ได้มีการโฆษณาหรือประกาศตามวรรคแรกผู้โฆษณาหรือประกาศต้องได้รับโทษเสมือนตัวการ คือคนทำผิดรับโทษเท่าไหร่ ผู้โฆษณาก็ต้องรับโทษเท่านั้น

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรมีคนไปกล่าวโทษและร้องทุกข์ว่าได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 คือชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง วรรค3 ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้ที่มีหน้าที่สั่งการในการกระทำผิดนั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี มาตรา 216 ถ้ามีการบอกผู้ชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่และพันธมิตรได้รับการบอกกล่าวจากตำรวจแล้วว่าเป็นการชุมนุมที่ก่อความไม่สงบซึ่งพันธมิตรฯบอกว่าเรียบร้อย แต่กลุ่มพันธมิตรมีการเคลื่อนขบวนไปที่ต่างๆ เป็นเหตุให้กีดขวางการจราจร และมีคนกล่าวโทษ ฉะนั้นการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ อ้างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ อ้างสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญต้องไม่กระทำผิดกฎหมายอื่นที่มีบัญญัติใช้บังคับและมีคนกล่าวโทษ เป็นที่รู้กันว่าพันธมิตรชุมนุมผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก ผิดมาตรา 215และ 216 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน 3 ปี 5 ปี และ7 ปี ซึ่งเป็นโทษทางคดีอาญา

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า เอเอสทีวีก็รู้ว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มีคนร้องทุกข์กล่าวโทษ การที่เอเอสทีวีถ่ายทอดสดการประชุมถือว่าเป็นการโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด รู้ว่าผิดก็ยังมาเผยแพร่ ส่วนคนที่มีจานรับสัญญาณเอเอสทีวี ไดมีการหารือแล้วว่าไม่มีความผิด เพราะว่าไม่ได้เผยแพร่ จะผิดก็จะเป็นสถานีแม่ ซึ่งแจ้งจับได้ทุกวัน ต่างกรรมต่างวาระ การแจ้งจับไม่จำเป็นต้องแจ้งจับในกรุงเทพฯ จะแจ้งจับที่จังหวัดไหนก็ได้ โยงไปถึงเคเบิ้ลทีวี ผู้ประกอบการก็รู้ว่าพันธมิตรฯ ทำผิด เอเอสทวีถ่ายทอดเป็นความผิด ถ้าผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีเอารายละเอียดการถ่ายทอดสดไปจูนใส่เคเบิลทีวี และหรือนำเผยแพร่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีก็มีความผิด ซึ่งตนได้ขอความกรุณาไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้ประสานกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ให้ใช้มาตราการ 2 ส่วน คือมาตรการทางการปกครองชี้แจงให้เกิดความเข้าใจว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีและจะดำเนินคดีได้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดต้องบันทึกเทปต้องมีรายละเอียดและตำรวจต้องบันทึกเทปด้วยว่าเคเบิ้ลจังหวัดนั้นได้ถ่ายทอดสดรับสัญญาณจากเอเอสทีวี ซึ่งตรงนั้นก็เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี

รมว.มหาดไทยกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีคนไปร้องทุกข์เพราะเรื่องนี้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถกล่าวโทษได้ถ้ารวบรวมหลักฐานได้ครบถ้วน ศาลปกครองคุ้มครองให้เอเอสทีวีออกอากาศได้ แต่การออกอากาศที่เอาเรื่องการกระทำผิดบนเวทีไปเผยแพร่นั้นเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 และหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องในความผิดนั้นๆ และที่สำคัญที่สุดคือมาตรา 116 เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ บอกว่าจะไล่รัฐบาลออก จะตัดน้ำตัดไฟ ไม่เสียภาษีและจะเคลื่อนไปยังที่ต่างๆ ความผิดเข้าองค์ประกอบมาตรา 116 ว่าผู้ใดที่ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้ไปตัดน้ำตัดไฟ ไปบุกหน่วยงานราชการหน่วยงานไหพันธมิตรฯชอกก็ไปแสดงความยินดี หน่วยงานไหนไม่ชอบก็ไปบังคับไปกดดัน นี่ก็เข้าข่ายมาตรา 116 (2) ทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องทำให้เกิดความปั่นป่วนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร พันธมิตรฯด่ารัฐบาลและชักชวนประชาชนทังในและต่างประเทศให้ขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอันนี้เข้าเกณฑ์ 116(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี พันธมิตรฯ ปลุกระดมประชาชนบอกว่าไม่ต้องเสียภาษี ให้มีการตัดน้ำตัดไฟ นี่ถือเป็นการละเมิดอำนาจรัฐ เมื่อเข้าเกณฑ์ ความผิดเหล่านี้

“กฎหมายอาญาต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก การที่ไปเช่าซื้อจานติดตั้งเป็นเจตนาอยากรู้ไม่ใช่เจตนาเผยแพร่ ส่วนเอเอสทีวีต้องรู้จะอ้างไม่รู้ไม่ได้ ว่าการชุมนุมผิดกฎหมาย แต่ยังนำไปเผยแพร่ จะถูกดำเนินคดี หากเรื่องนี้ผู้ว่าไม่ทำ ตำรวจไม่ทำ ก็ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีความผิด” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

"ประชา"ได้ที สอพลอลูกพี่

ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตยกล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เตรียมสั่งห้ามเคเบิลทีวีดึงสัญญาณการถ่ายทอดของเอเอสทีวี ว่า ทางกลุ่มมหาประชาชนและ ส.ส.ในพรรคสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม เนื่องจากที่ผ่านมาเอเอสทีวีได้นำเสนอข่าวสารที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยก โดยเฉพาะการถ่ายทอดการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาล และใครก็ตามที่ไม่คล้อยตามกลุ่มพันธมิตร ซึ่งการรัฐประหารที่ผ่านมาเมื่อ 19 กันยายน 2549 กลุ่มพันธมิตรฯ ก็เป็นต้นเหตุ ดังนั้นจึงเห็นว่านอกจากจะสั่งปิดสถานีเอเอสทีวีแล้วกระทรวงมหาดไทยควรเร่งใช้กฎหมายเอาผิดกับกลุ่มพันธมิตรด้วย

"ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย จัดม็อบชุมนุมยึดถนนทำใหประชาชนเดือดร้อน การที่ ร.ต.อ.เฉลิมออกมาจัดการปิดเอเอสทีวีจึงเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุดซึ่งจะเป็นการปิดช่องทางการสื่อสารของกลุ่มพันธมิตรฯ และถือเป็นวิธีที่เป็นไปตามกฎหมาย ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ มาโวยวายทีหลังไม่ได้ว่ารัฐบาลใช้อำนาจกลั่นแกล้ง

"อย่างไรก็ตามหากเอเอสทีวียังดึงดันไม่ยอมปิดสถานี ทางกลุ่มมหาประชาชนก็จะนำประชาชนไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ขณะเดียวกันจะขีดเส้นในวันศุกร์นี้เป็นวันสุดท้ายที่จะปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรชุมนุมได้ โดยหลังจากนี้ ทางกลุ่มจะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ทุกรูปแบบ เช่น จะรวบรวมหลักฐาน วีซีดีที่เราพบว่ากลุ่มพันธมิตรฯละเมิดเบื้องสูงไปเรียกร้องต่อสำนักราชเลขาฯ รวมทั้งจะนำประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯออกมาชุมนุมต่อต้าน" นายประชากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น