“สุทธิ อัชาศัย” แกนนำเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก จวก “ขิงแก่-ลูกกรอก” ไม่จริงจังแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม มองแต่การพัฒนาโดยไม่ใส่ใจสุขภาพของประชาชนและปัญหาสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน การแก้ไขยังบิดเบือนไม่ตรงตามเจตนารมณ์ รธน.50 ด้วย
นายสุทธิ อัชาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ภาคตะวันออกเป็นภาคที่มีปัญหามากมาย ประชาชนต้องประสบกับการพัฒนา ต้องมีคราบน้ำตาของผู้เสียสละจากการพัฒนาประเทศจากการลงทุนทางอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ นายสุทธิอยากเห็นการพัฒนาที่ไม่ต้องมีการเบียดบัง ไปละเมิดทำลายล้างชีวิตคนที่อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะการพัฒนาในพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง รัฐบาลชุดที่แล้วพยายามส่งเสริมให้เกิดการแก้ปัญหา แต่ก็ด้วยที่เป็นรัฐบาลขิงแก่การแก้เลยล่าช้า มีคนเจ็บป่วยและล้มจากปัญหามลพิษจำนวนมาก
ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า เมื่อมีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลใหม่ก็ไม่เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม มองแต่การพัฒนาโดยไม่ใส่ใจสุขภาพของประชาชนและปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจและมีแต่จะร่วมกันใส่ใจดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม
“รัฐบาลควรที่จะให้ความสำคัญและมีการร่วมพัฒนาขั้นตอนและศึกษาปัญหาในระบบการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ให้ได้มาตรฐานมากขึ้นจะดีกว่า เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ล้วนเกิดจากที่ อีไอเอ หละหลวม ไม่มีมาตรฐาน ถึงจะเป็นการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและประชาชนอย่างแท้จริง ท้ายที่สุด จะส่งผลให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน และอยู่รวมกับชุมชนได้อย่างเป็นสุข”
นายสุทธิ กล่าวอีกว่า หากรัฐมุ่งแต่การพัฒนามองแต่ตัวเลขของพัฒนาภาคอุตสาหกรรมที่มีแต่ปัญหาแก่ประชาชน คงไม่ต้องพูดถึงชะตากรรมของประชาชนในยุคของการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยไม่ได้มองถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเลย ซึ่งโดยเหตุและผลแห่งการขยายและการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบันต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการยอมรับของคนในชุมชนเป็นสำคัญตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 แต่กลับตรงกันข้ามที่การพัฒนาอุตสาหกรรมในปัจจุบันล้วนขัดต่อมาตรากฎหมายรัฐธรรมนูญดังกล่าวทั้งสิ้น
นายสุทธิ อัชาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ภาคตะวันออกเป็นภาคที่มีปัญหามากมาย ประชาชนต้องประสบกับการพัฒนา ต้องมีคราบน้ำตาของผู้เสียสละจากการพัฒนาประเทศจากการลงทุนทางอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ นายสุทธิอยากเห็นการพัฒนาที่ไม่ต้องมีการเบียดบัง ไปละเมิดทำลายล้างชีวิตคนที่อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะการพัฒนาในพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง รัฐบาลชุดที่แล้วพยายามส่งเสริมให้เกิดการแก้ปัญหา แต่ก็ด้วยที่เป็นรัฐบาลขิงแก่การแก้เลยล่าช้า มีคนเจ็บป่วยและล้มจากปัญหามลพิษจำนวนมาก
ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า เมื่อมีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลใหม่ก็ไม่เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม มองแต่การพัฒนาโดยไม่ใส่ใจสุขภาพของประชาชนและปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจและมีแต่จะร่วมกันใส่ใจดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม
“รัฐบาลควรที่จะให้ความสำคัญและมีการร่วมพัฒนาขั้นตอนและศึกษาปัญหาในระบบการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ให้ได้มาตรฐานมากขึ้นจะดีกว่า เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ล้วนเกิดจากที่ อีไอเอ หละหลวม ไม่มีมาตรฐาน ถึงจะเป็นการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและประชาชนอย่างแท้จริง ท้ายที่สุด จะส่งผลให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน และอยู่รวมกับชุมชนได้อย่างเป็นสุข”
นายสุทธิ กล่าวอีกว่า หากรัฐมุ่งแต่การพัฒนามองแต่ตัวเลขของพัฒนาภาคอุตสาหกรรมที่มีแต่ปัญหาแก่ประชาชน คงไม่ต้องพูดถึงชะตากรรมของประชาชนในยุคของการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยไม่ได้มองถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเลย ซึ่งโดยเหตุและผลแห่งการขยายและการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบันต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการยอมรับของคนในชุมชนเป็นสำคัญตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 แต่กลับตรงกันข้ามที่การพัฒนาอุตสาหกรรมในปัจจุบันล้วนขัดต่อมาตรากฎหมายรัฐธรรมนูญดังกล่าวทั้งสิ้น