รองเลขา ปชป.ชี้ “ลูกกรอก” ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ ตามเช็กบิล สุนัย-คตส.เข้าข่ายเลือกปฏิบัติ เตือนอย่าแทรกแซงองค์กรอื่นยิ่งเติมเชื้อไฟวิกฤตชาติ
วันนี้ (8 มิ.ย.) นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การออกหมายจับ นายสุนัย มโนมัยอุดม หรือกำลังจะออกหมายจับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทั้งสองคดีเป็นคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่า ผู้ที่ถูกเอ่ยถึงนี้จะทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เคยใช้ทนายความนับสิบคนฟ้องในฐานะถูกหมิ่นประมาทมาหลายครั้งแล้ว แต่ทำไมครั้งนี้จึงได้เลือกใช้อำนาจรัฐที่เรียกว่าตำรวจมาเป็นเครื่องมือ ถ้าสามารถสั่งตำรวจได้ แม้ว่าการกระทำดังกล่าวของ นายสุนัย และของ คตส.บางคน ไม่มีมูลความผิด แต่ตำรวจสามารถรับคำสั่งของเจ้านายมาดำเนินการ ว่า คดีนี้มีมูลโดยออกหมายจับ ดังนั้น การออกหมายจับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และ คตส.ตนมั่นใจว่า เป็นการรับงานตามคำสั่งของนายใหญ่ หลังจากนั้นก็สรุปความเห็นรวบรวมพยานหลักฐานว่าคดีมีมูลพอที่จะออกหมายจับได้
“อยากถามว่า ทำไมลูกและเมีย รวมทั้งตัวของนายกฯทักษิณเอง ไม่มาตามหมายเรียกหลายครั้ง และตำรวจสามารถออกหมายจับได้ แต่กลับไม่ยอมดำเนินการ แต่ครั้งนี้การตัดสินใจออกหมายจับคุณสุนัยเป็นเรื่องของการใช้อำนาจรัฐตำรวจมาข่มขู่คุกคามใช้อำนาจบาตรใหญ่ และป้องปรามไม่ให้คนอื่นมาเอาผิดตัวเองทั้งที่ตัวเองทำความผิด ซึ่งการออกหมายจับในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ไม่ชอบเป็นการใช้อำนาจในฐานะรัฐตำรวจ มีนัยอันเป็นการรับคำสั่งจากนายใหญ่แน่นอน เพื่อที่จะปรามข้าราชการคนอื่นๆ ให้เห็นเป็นตัวอย่าง ผมเห็นว่า คุณสุนัย มีทางสู้อย่างแน่นอน เพราะการนำหมายจับมาข่มขู่ ไม่สามารถสกัดกั้นการตรวจสอบ การกระทำความผิดที่นายกฯทักษิณถูกกล่าวหาได้ ดังนั้น สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปสกัดกั้นหรือข่มขู่ไม่มีทางที่จะทำให้คุณสุนัยละเว้นหรือกลัวได้ ส่วนตำรวจที่เป็นเครื่องไม้เครื่องมือให้กับคนบางคนขอได้โปรดทบทวนด้วย เพราะหลังจากนี้เมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว ศาลก็จะดำเนินการ
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกหนทางไม่ฟ้อง แต่กลับมาแจ้งความ เพราะรู้อยู่ว่าไม่สามารถสั่งศาลได้ แต่สามารถสั่งตำรวจได้” นายถาวร กล่าว
ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ คือ หน่อเนื้อที่สืบเชื้อสายเลือดไม่ดีมาจากระบอบทักษิณ จึงเริ่มแผลงฤทธิ์ปฏิบัติการล้างแค้น การดำเนินการของอำนาจรัฐที่เกิดขึ้นมาในปัจจุบันกำลังจะเป็นการเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์วิกฤติการเมืองบ้านเราเพิ่มมากขึ้นถ้ารัฐบาลยังไม่สามรถระงับยับยั้งไม่ให้มีการใช้อำนาจรัฐโดยไม่เป็นธรรมหรือพยายามเข้าไปแทรกแซงหรือใช้องค์กรอื่นๆ เป็นเครื่องมือ เชื่อว่าปัญหาจะตามมาถึงรัฐบาลมากขึ้นอย่างแน่นอน