พรรคประชาธิปัตย์หนุน ผบ.ทบ.ไม่ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จัดการกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ ชี้ถ้าบ้าจี้นำมาใช้จะยิ่งทำให้ความรุนแรงบานปลาย ชี้รัฐบาลแก้ปัญหาราคาข้าวมีเงื่อนงำ คาดราคาประกันเกวียนละ 14,000 ส่อเค้าเหลว
วันนี้ (7 มิ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ไม่ใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงจัดการกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะหากใช้ความรุนแรงจะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งสถานการณ์ยังไม่รุนแรงถึงขั้นใช้กฎหมายดังกล่าวมาดำเนินการ ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปตามปกติได้ ทั้งนี้ การใช้ พ.ร.บ.มั่นคงอาจเป็นการส่งสัญญาณที่ผิด และส่งผลให้เกิดปัญหามุมกลับคือทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาธิปัตย์จะพิจารณาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้าร่วมเป็นกรรมาธิการฯ ด้วย โดยจะพิจารณาจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งอาจเป็นคนนอก นักวิชาการ หรือผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคจะตัดสินใจ แต่ยังไม่ได้หารือกันว่าจะเชิญแกนนำพันธมิตรฯ เข้าร่วมด้วยหรือไม่
“สาเหตุที่ยังไม่ได้หารือเรื่องการพิจารณาตัวบุคคล เพราะการประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ ไม่มีวาระพิจารณาญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนจะเปลี่ยนชื่อจากกรรมาธิการศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ เป็นกรรมาธิการวิสามัญศึกษาประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่เป็นปัญหา เพราะต้องดูที่เจตนารมณ์เป็นหลัก หากทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนก็สามารถเปลี่ยนชื่อได้” นายองอาจ กล่าว
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกันราคาข้าวเปลือกตันละ 14,000 บาทว่า แม้จะเป็นมาตรการที่ช่วยเหลือเกษตรกร แต่ก็ยังเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่สะเด็ดน้ำ เพราะยังมีปัญหาที่รัฐบาลต้องตอบให้ได้ คือ เหตุใดราคาข้าวเปลือกตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าข้าวเปลือกจะมีราคาถึงตันละ 3 หมื่นบาท รัฐบาลควรหาคนที่กดราคาข้าวเปลือกมาดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังตั้งข้อสังเกตกรณีที่รัฐบาลประชุมแก้ไขปัญหาราคาข้าว โดยไม่มีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคชาติไทย เข้าร่วมประชุมด้วย ว่า เป็นความขัดแย้งในรัฐบาลหรือไม่ ทำให้เห็นภาพการแก้ไขปัญหาที่มีความคลุมเครือ และพรรคไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาระยะยาวได้ เพราะการส่งสัญญาณผิดในหลายเรื่อง ทำให้เห็นว่ารัฐบาลทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง ครม.เงาจะติดตามปัญหานี้ต่อไป
วันนี้ (7 มิ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ไม่ใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงจัดการกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะหากใช้ความรุนแรงจะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งสถานการณ์ยังไม่รุนแรงถึงขั้นใช้กฎหมายดังกล่าวมาดำเนินการ ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปตามปกติได้ ทั้งนี้ การใช้ พ.ร.บ.มั่นคงอาจเป็นการส่งสัญญาณที่ผิด และส่งผลให้เกิดปัญหามุมกลับคือทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาธิปัตย์จะพิจารณาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้าร่วมเป็นกรรมาธิการฯ ด้วย โดยจะพิจารณาจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งอาจเป็นคนนอก นักวิชาการ หรือผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคจะตัดสินใจ แต่ยังไม่ได้หารือกันว่าจะเชิญแกนนำพันธมิตรฯ เข้าร่วมด้วยหรือไม่
“สาเหตุที่ยังไม่ได้หารือเรื่องการพิจารณาตัวบุคคล เพราะการประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ ไม่มีวาระพิจารณาญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนจะเปลี่ยนชื่อจากกรรมาธิการศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ เป็นกรรมาธิการวิสามัญศึกษาประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่เป็นปัญหา เพราะต้องดูที่เจตนารมณ์เป็นหลัก หากทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนก็สามารถเปลี่ยนชื่อได้” นายองอาจ กล่าว
นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกันราคาข้าวเปลือกตันละ 14,000 บาทว่า แม้จะเป็นมาตรการที่ช่วยเหลือเกษตรกร แต่ก็ยังเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่สะเด็ดน้ำ เพราะยังมีปัญหาที่รัฐบาลต้องตอบให้ได้ คือ เหตุใดราคาข้าวเปลือกตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าข้าวเปลือกจะมีราคาถึงตันละ 3 หมื่นบาท รัฐบาลควรหาคนที่กดราคาข้าวเปลือกมาดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังตั้งข้อสังเกตกรณีที่รัฐบาลประชุมแก้ไขปัญหาราคาข้าว โดยไม่มีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคชาติไทย เข้าร่วมประชุมด้วย ว่า เป็นความขัดแย้งในรัฐบาลหรือไม่ ทำให้เห็นภาพการแก้ไขปัญหาที่มีความคลุมเครือ และพรรคไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาระยะยาวได้ เพราะการส่งสัญญาณผิดในหลายเรื่อง ทำให้เห็นว่ารัฐบาลทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง ครม.เงาจะติดตามปัญหานี้ต่อไป