xs
xsm
sm
md
lg

“สุรพงษ์-ภูวดล” ร่วมผ่าปมลึกไทย-เขมร...ไม่พ้นธุรกิจการเมือง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวทีเสวนาให้ความรู้ประชาชน เปิดประเด็นแฉธาตุแท้ “นพดล” สมุนแม้ว ยกเขาพระวิหารให้กัมพูชาแลกกับผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย เปิดทาง”พ.ต.ท.ทักษิณ”ฮุบธุรกิจด้านพลังงาน ชณะที่ “สุรพงษ์” จี้ กมธ.การต่างประเทศสภาฯ ร่วมสอบก่อนไทยเสียอธิปไตย

วันนี้ (4 มิ.ย.) เวลา 22.10 น.ที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ในช่วงเสวนาให้ความรู้ประชาชน ได้มีการเชิญวิทยากรร่วมรายการ คือ ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และดร.สุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูต 5 ประเทศ และอดีตอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ซึ่งหัวข้อในการเสวนาหยิบยกเบื้องหลังปมปัญหาเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา

โดย ดร.สุรพงษ์ วิเคราะห์ให้ฟังว่า ปมปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากรัฐบาลกัมพูชากำลังเสนอองค์การยูเนสโกให้ประกาศเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งก็มีการผูกโยงว่ารัฐบาลไทยอาจโอนอ่อนตามความต้องการของกัมพูชาในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนโดยรอบเขาพระวิหาร ซึ่งไม่ชัดเจนว่าอยู่ในอธิปไตยของฝ่ายใด เพื่อแลกกับผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ซึ่งว่ากันว่ามีทั้งแก๊สและน้ำมันจำนวนมหาศาล สอดรับกับข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีเป้าหมายลงทุนในธุรกิจพลังงาน และมีโครงการก่อสร้างเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ในเขมรพอดิบพอดี

ดร.สุรพงษ์ ระบุอีกว่า ต้องไม่ลืมว่าปัญหาเรื่องเขตแดน อธิปไตยเหนือดินแดน ไม่ว่าจะบนบกหรือในน้ำ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากสำหรับทุกประเทศ แต่สำหรับกัมพูชามีความละเอียดอ่อนมากเป็นพิเศษ เพราะถูกหยิบมาเป็นประเด็นการเมืองภายในประเทศตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงที่มีความขัดแย้งระหว่างผู้นำหรือกลุ่มผู้นำทางการเมืองของกัมพูชา หรือช่วงก่อนฤดูเลือกตั้ง จะมีเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ

“รัฐบาลในสมัยเจ้าสีหนุ เวลามีปัญหาภายในประเทศแล้วแก้ไขไม่ได้ ก็จะใช้เรื่องเขตแดนหรืออธิปไตยที่เป็นกรณีพิพาทอยู่กับเพื่อนบ้าน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนในประเทศให้ไปสู่ปัญหานอกประเทศ เช่น ยกเรื่องดินแดนกัมพูชาสมัยราชอาณาจักรขอมในอดีต แล้วบอกว่าถูกญวณยึดไป ถูกสยามยึดไป เราต้องเอาคืนมา เพื่อปลุกความเป็นชาตินิยมให้เกิดขึ้น ฉะนั้นกรณีเขาพระวิหาร เราจะต้องคำนึงถึงการเมืองภายในกัมพูชาด้วย” ดร.สุรพงษ์ กล่าว

อดีตอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ซึ่งรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศมาเนิ่นนาน บอกอีกว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านักการเมืองไทยและพรรคการเมืองไทยบางพรรคมีความละโมบ คิดเอาผลประโยชน์ของบ้านเมืองไปแลกกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนเอง วันนี้สิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวังก็คือ รัฐบาลจะต้องไม่นำนโยบายด้านการต่างประเทศไปสร้างผลประโยชน์ให้กับพรรคและพวก เพราะนั่นคือสิ่งที่อันตรายที่สุด

“แม้เรื่องแบบนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ มันมีมานาน แต่มันมีมากในสมัยที่พรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งเป็นรัฐบาล ตอนนั้นมีการนำกระทรวงการต่างประเทศและนโยบายต่างประเทศไปเป็นเครื่องมือรับใช้ผลประโยชน์ของพรรคและพวกอย่างเด่นชัดมาก อย่างเป็นล่ำเป็นสัน และอย่างเป็นระบบด้วย” ดร.สุรพงษ์ ระบุพร้อมกล่าวว่า รัฐบาลควรแถลงให้ประชาชนทั้งประเทศได้รู้ว่า ข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นอย่างไร ทั้งต้องแถลงให้ชัดเจนว่ารัฐบาลมีจุดยืนอย่างไร และพร้อมจะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี รวมทั้งต้องแถลงต่อสภาด้วย เพราะในที่สุดแล้วเรื่องที่มีผลต่อเขตแดนหรืออธิปไตยเหนือดินแดนจะต้องรายงานต่อรัฐสภา กรรมาธิการต่างประเทศ ส.ส.-ส.ว.ต้องร่วมตรวจสอบ ไม่ใช่ไปตกลงระหว่างฝ่ายบริหารด้วยกันแล้วดำเนินการไปเลย

ขณะที่ ดร.ภูวดล ร่วมขยายประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ซึ่งเชื่อกันว่ามีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก ผู้ที่จะอนุมัติสัมปทานต้องเป็นรัฐ จะแบ่งสัดส่วนกันอย่างไรก็ตาม แต่จะต้องเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐกับรัฐก่อน ไม่ใช่ระหว่างที่ยังไม่ตกลง ยังเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกันอยู่ แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกลับอนุญาตให้นักธุรกิจเอกชนเข้าไปทำประโยชน์ อย่างนี้ต้องระวัง เพราะผลประโยชน์ไม่ได้เข้าประเทศชาติ แต่ไปเข้าพกเข้าห่อใครก็ไม่รู้ โดยเฉพาะพวกนักการเมืองกังฉิน มีหน้าที่ควบคุมกลไกของรัฐ กำลังทำหน้าที่เป็นล็อปบี้ยีสต์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แสวงหาผลประโยชน์กับธุรกิจด้านพลังงาน

อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังตำหนิการทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของ นายนพดล ปัทมะ โดยเชื่อว่ากำลังทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการตอบแทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เลี้ยงดูจนได้ดิบได้ดี ฉะนั้นขอเรียกร้องให้ข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถในกระทรวงการต่างประเทศ ลุกขึ้นมาต่อสู้อย่าไปยอมนักการเมืองพันธุ์ชั่ว ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ก็ต้องออกมาปกป้องพื้นที่ ไม่ให้พื้นที่ดังกล่าวถูกครอบครองโดยมิชอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น