“โคทม”อ้างรัฐบาลยอมถอยแล้ว ถึงคราวพันธมิตรฯ ต้องถอยบ้าง

ประธาน สป. “โคทม อารียา” แนะ พันธมิตรฯ – รัฐบาล ควรรับฟังความเห็นของประชาชน ที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้มากขึ้น อ้าง ในเมื่อรัฐบาลยอมถอยแล้ว ก็ถึงคราวพันธมิตรฯ ต้องถอยอย่างงดงามบ้าง

วันนี้ (2 มิ.ย.) นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ในรายการเวทีความคิด ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ถึงกรณีที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันปักหลักชุมนุมขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่า การที่พันธมิตรฯ ยังยืนยันที่จะชุมนุมยืดเยื้อไม่หยุดซักวัน จนกว่านายก จะลาออกนั้น ตนคิดว่าเป็นการกระทำที่มากเกินไป เพราะตอนนี้ข้อเรียกร้องให้ นายจักรภพ เพ็ญแข รมว.สำนักนายกรัฐมนตรี ลาออกก็สำเร็จไปแล้ว ส่วนเรื่องของการแก้ไข รธน.ตนก็ได้ข่าวมาว่าตอนนี้ทางรัฐบาลก็เริ่มมีการเสนอความคิดที่จะตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้ รธน.ปี 2550 โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีทั้ง ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และบุคคลภายนอกด้วย ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นการบ่งบอกได้ว่าข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ได้รับการตอบสนองแล้ว ดังนั้นเรื่องอื่น ๆ ที่พันธมิตรฯ เรียกร้อง เช่นต้องการให้นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง ก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการอื่น ๆ ที่มีใน รธน.ดำเนินการไป เช่น กระบวนการนิติบัญญัติ ที่นายสมัครเองก็มีคดีที่ศาลจะต้องพิจารณาอีก ซึ่งก็ไม่แน่ว่าศาลอาจจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งของ นายสมัครก็ได้

นายโคทมกล่าวต่อไปว่า การที่ฝ่ายพันธมิตรฯ และรัฐบาลมีความคิดต่างกันนั้นก็ไม่ไร แต่ทั้งสองฝ่ายไม่ควรใช้อารมณ์ของตัวเป็นที่ตั้ง ควรค่อย ๆ พูดคุย และที่สำคัญตนอยากจะแนะนำให้ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายพันธมิตรฯ รับฟังความเห็นจากประชาชนทั่วไป ที่เป็นกลางและไม่ได้อยู่ในฝั่งใดฝั่งหนึ่งให้มากกว่านี้ เพราะสิ่งสำคัญของการเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็คือการให้ทุกคนมีส่วนร่วม

“ผมต้องขอชมเชยรัฐบาล ที่ยอมถอยไประดังหนึ่งแล้ว ซึ่งก็ถึงคราวที่พันธมิตรฯ ที่สมควรจะถอยอย่างงดงามบ้าง อารมณ์ของสถานการณ์ต่าง ๆ จะได้เย็นลง” และว่า อย่างไรก็ตามตนก็ดีใจ ที่พันธมิตรฯ บอกว่าจะยังยึดแนวทางสันติวิธี เพื่อจะไม่เกิดความรุนแรง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็อยากจะเตือนว่า พันธมิตรฯ เองก็ควรรับฟังความคิดเห็นของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายอื่น ๆ บ้าง เพราะหากไม่ฟังเลย จะเป็นการปิดกั้นทางออกของตัวเอง

นายโคทมกล่าวด้วยว่า ปัญหาของบ้านเมืองเราที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะคนในบ้านเมืองเราใจร้อนกันมากเกินไป อย่างเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อกันยายน 2549 ก็ถือว่าใจร้อนไปหน่อย แต่ทั้งหมดก็อาจเป็นเหตุผลเนื่องมาจากเมื่อบุคลหรือนักการเมือง ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้มีอำนาจก็ใช้อำนาจเกินเลยไปไม่ฟังเสียงประชาชนที่เป็นผู้เลือกตนเข้ามา จึงเกิดเป็นปัญหาขึ้น ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เราก็จะไม่สามารถสร้างการเมืองที่ดีให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราได้