“วรวัจน์” ขู่แจ้งความ “ประสพสุข” หากรับยื่นถอดถอนจากมือพันธมิตรฯ โวยอย่าใช้ม็อบบีบ เตรียมชะลอแก้ รธน.รอทุ่ม 2 พันล้าน ทำประชามติ ตำหนิ “ลูกปลาไหล” ไล่บี้เจ๊เพ็ญไม่เหมาะ
วันนี้ (28 พ.ค.) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อพิทักษ์ประชาธิปไตย เตรียมยื่นรายชื่อประชาชนเพื่อถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่ลงชื่อรับรองญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ว่าหาก นายประสพสุข รับรายชื่อประชาชนที่กลุ่มพันธมิตรฯมายื่น ตนจะแจ้งความดำเนินคดีกับนายประสพสุข ตามมาตรา 113 ของกฎหมายอาญา เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ถือว่าขัดขวางการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเข้าข่ายการเป็นกบฏ เพราะสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมลงชื่อ ถือว่าทำหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องสถาบันนิติบัญญัติ การปกครองระบอบประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา ทั้งนี้ หากมีการยื่นรายชื่อประชาชน 20,000 ชื่อ เพื่อถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.ที่ยื่นญัตติดังกล่าวเมื่อใด ตนก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับประชาชนที่ร่วมลงชื่อถอดถอนทั้ง 20,000 คนทันที เพราะถือว่าล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย
“พวกพันธมิตรฯเป็นใคร คุณสุริยะใส เป็นใคร แค่คนไม่กี่คน ถึงจะมายื่นถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.เพราะแม้กระทั่งพรรคยังบังคับไม่ได้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง เราทำผิดอะไร ทั้งๆ ที่ทำตามหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญรองรับ ถ้ามายื่นถอดถอน เขาจะตอบประชาชนในพื้นที่ได้อย่างไร ไม่ใช่มาใช้ม็อบกดดันบีบ ถ้าใช้ม็อบมาบีบ ส.ส.อย่างนี้แล้ว สถาบันนิติบัญญัติและระบบรัฐสภาจะอยู่ได้อย่างไร” นายวรวัจน์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่า ได้หารือกับอดีตผู้ใหญ่ระดับสูงของพรรคไทยรักไทย ที่มีความเห็นควรถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมออก นายวรวัจน์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะพรรคไทยรักไทย ไม่เกี่ยวกับพรรคพลังประชาชน เนื่องจากการยื่นญัตติเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ซึ่งเมื่อยื่นญัตติไปแล้ว ขึ้นอยู่กับบรรจุเข้าระเบียบวาระเมื่อไหร่ แล้วรัฐสภาจะพิจารณาเมื่อไหร่
ผู้สื่อข่าวถามถึง ครม.มีมติให้จัดทำประชามตินั้น นายวรวัจน์ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลยอมให้มีการทำประชามติ เราพร้อมที่รอ หรือเลื่อนการพิจารณาญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญออกไปก่อนจนกว่าได้ผลการลงประชามติว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกฝ่ายควรฟังเสียงประชาชน วันนี้ ทางพันธมิตรฯ ควรกลับบ้านได้แล้ว เพื่อไปบอก ส.ส.และ ส.ว.ในพื้นที่ เพื่อรณรงค์ในรัฐธรรมนูญในการทำประชามติและใช้เวทีของรัฐสภา และเห็นว่า การใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท ในการทำประชามติ ถ้าหากสามารถยุติปัญหาความขัดแย้งได้ ก็ถือว่าคุ้มค่า และถ้าเปิดให้คนบริจาคเพื่อยุติความขัดแย้งก็เชื่อว่ามีคนพร้อมบริจาคอีกมาก
เมื่อถามถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทย ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ปรับ นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ้น ครม.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ในการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น นายวรวัจน์ กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ที่ ส.ส.จะทำได้ เพราะทราบว่าไม่เกี่ยวกับทางพรรคชาติไทย เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว แต่ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะทำอะไรก็ควรถามในพรรคก่อน แล้วทางพรรคก็ประสาน เพราะการทำอะไรเดี่ยวๆ อย่างนี้ ไม่รู้พรรคจะคิดอย่างไร ซึ่งตอนนี้ตนเองก็ไม่เข้าใจ ในพรรคชาติไทยที่ลูกพรรคพูดไปทาง หัวหน้าพรรคพูดไปอีกทางเช่นกัน
นอกจากนี้ นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงเวลา 16.00 น.วันนี้ ตนพร้อม ส.ส.พลังประชาชน จะเดินทางไปยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีที่มี ส.ส.ของพรรคไปเข้าร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ ถือเป็นการล้มล้างระบบรัฐสภา และระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย