ครม.รวบรัดเห็นชอบ “ดูไบ เวิลด์” ศึกษา “แลนด์บริดจ์” อภิมหาโปรเจกต์กว่า 3 แสนล้าน คาดพร้อมจับมือ “หมัก” ลงนามทันที 24 พ.ค.นี้ แฉพิรุธสัมพันธ์แนบแน่น “แม้ว” เล็งท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ทำเป็นท่าเรือขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่
วานนี้ (19 พ.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบ และมอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ลงนามบันทึกความเข้าใจการให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากบริษัท ดูไบ เวิลด์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อศึกษาความเหมาะสมถึงแนวทางการพัฒนาท่าเรือฝั่งทะเลอันดามัน และสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยงท่าเรือฝั่งอ่าวไทย (โครงการแลนด์บริดจ์)
“ทั้งนี้ ดูไบ เวิลด์ มีหนังสือเมื่อวันที่ 15 พ.ย.50 ถึงกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอเรื่องดังกล่าว พร้อมจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา โดยบริษัท ดูไบ เวิลด์ จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลยูเออี เพื่อให้เป็นองค์การของรัฐในการลงทุนในธุรกิจต่างๆ อย่างไรก็ตามได้มีการประสานงาน และเจรจาปรับปรุงรายละเอียดสำคัญในร่างบันทึกความเข้าใจ โดยได้ลงนามในหนังสือเจตจำนงเมื่อวันที่ 7 เม.ย.51” รองโฆษกฯ กล่าว
รองโฆษกฯ กล่าวอีกว่า จะมีการกำหนดวันลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจการให้ความช่วยเหลือกับดูไบ เวิลด์ หลังจากที่ ครม.เห็นชอบ ทั้งนี้ สุลต่าน อาห์เหม็ด บิน สุลาเยม ประธานกรรมการของดูไบ เวิลด์ บริษัทลงทุนของรัฐบาลดูไบ จะเดินทางมาที่ประเทศไทย ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เพื่อบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Evolutionary Reform The Dubai Experience” จัดโดยมูลนิธิไทยคม ขณะเดียวกัน ในวันที่ 24 พ.ค. จะเข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
อ้าง “ดูไบ เวิลด์” หนุนค่าใช้จ่ายแบบให้เปล่า
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้มูลนิธิไทยคม มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นผู้ก่อตั้ง และประธานมูลนิธิฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีสาระสำคัญเพื่อพัฒนาและเป็นการบริการท่าเรือระหว่างประเทศทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้เกิดการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีท่าเรือบนชายฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย เพื่อเป็นการพัฒนาสะพานเศรษฐกิจรวม ทั้งการจัดตั้งแนวเส้นทาง เพื่อยกเว้นภาษีแก่วิสาหกิจ หรือบริษัทใดๆ ที่ดำเนินการในเขตเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนา และเป็นเจ้าของบริการขนส่งทางบกบนแนวเส้นทางเศรษฐกิจที่รวมถึงทางถนน ทางรถไฟ และทางท่อ
นอกจากนี้ การคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษา “ดูไบ เวิลด์” จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายแบบให้เปล่าแก่ประเทศไทย เพื่อว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาทำการศึกษาความเหมาะสม โดยบริษัทดูไบ เวิลด์ จะเป็นผู้เสนอรายชื่อบริษัทที่ปรึกษาที่เป็นบุคคลภายนอก โดยให้ฝ่ายไทยพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดูไบ เวิลด์ ลงนามสัญญาการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาต่อไป และฝ่ายไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามกำกับการดำเนินการของที่ปรึกษา
รวมทั้งให้ความเห็นชอบงาน รวมทั้งรายงานที่บริษัทที่ปรึกษาส่งมอบ โดยฝ่ายไทย และดูไบ เวิล์ด จะเป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของงาน และรายงานที่จะส่งมอบร่วมกัน อีกทั้งการศึกษาภายใต้ความเข้าใจดังกล่าวนี้ จะไม่มีภาระผูกพันด้านงบประมาณ เนื่องจากเป็นความช่วยเหลือทางวิชาการแบบให้เปล่าจากดูไบ เวิลด์
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาว่า ร่างดังกล่าว เป็นความตกลงระหว่างส่วนราชการกับหน่วยงานของรัฐบาลต่างประเทศ ในความร่วมมือด้านวิชาการทั่วไป และไม่มีข้อผูกพันต่อเนื่องที่ไทยจำเป็นจะต้องปฏิบัติ
เผย “สันติ” บินเจรจา “ดูไบ เวิลด์” ตั้งแต่ เม.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย.ที่ผ่านมา นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม พร้อมคณะ ได้เดินทางไปเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับคณะของ รมว.ต่างประเทศ เพื่อโรดโชว์โครงการต่างๆ ให้แก่นักลงทุนในตะวันออกกลาง โดยการเดินทางในครั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ และนอกจากกระทรวงคมนาคมแล้ว ยังมีกระทรวงอื่นๆ อีก อาทิ กระทรวง อุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ ฯลฯ ร่วมคณะไปด้วย
นอกจากนี้ นายสันติยังได้เข้าพบกับคณะผู้บริหารของบริษัท ดูไบ เวิลด์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของรัฐบาลดูไบด้วย โดยจะเป็นการหารือร่วมกันในโครงการสำคัญๆ อาทิ โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมระหว่างภาคใต้ฝั่งตะวันออก กับฝั่งตะวันตก หรือแลนด์บริดจ์ มูลค่าการลงทุนกว่า 300,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งที่ดูไบ เวิลด์ ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน โดยในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ กลุ่ม บริษัท ดูไบ ได้ทำหนังสือแจ้งมายังกรมการขนส่งทางน้ำ และการพาณิชยนาวี (ขน.) เพื่อเสนอตัวขอเป็นบริษัทผู้ก่อสร้างบริหารจัดการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล
เล็ง 3 จุด เน้นท่าเรือน้ำลึก “ปากบารา”
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า สำนักงานนโยบายการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้รายงานความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ว่า เดิมได้มีการศึกษาไว้ 2 แนวเส้นทาง คือ ขนอม-พังงา และขนอม-กระบี่ แต่เนื่องจากติดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม และการต่อต้านของประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากทั้งที่ จ.กระบี่ และพังงา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย
ต่อมากรมขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี ได้มีการศึกษาแนวเส้นทางที่ 3 คือ สงขลา-สูตล เป็นเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด อยู่ที่บริเวณฝั่งทะเล จ.สตูล โดยมีการศึกษาโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งสามารถทำเป็นท่าเรือขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่ได้ ส่วนฝั่งทะเล จ.สงขลา แม้ว่าน่านน้ำจะไม่ลึกเท่าใดนัก แต่สามารถสำรวจขยายท่าเรือออกไปได้ และนอกจากบริเวณท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สงขลา และบริเวณ กระบี่-ขนอมแล้ว ยังมีการพิจารณาบริเวณพื้นที่ฐานทัพเรือทัพระมุ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา อีกด้วย
