ผู้ช่วยเลขาธิการ ปชป.จวก “สมัคร” ไม่ยอมรับความจริง ต่อทัศนคติอันตราย “เจ๊เพ็ญ” ส่งสัญญาณให้ท้าย ลองของ “ปู่ชัย” เปิดประชุมวิสามัญยาวสุดในประวัติศาสตร์ เชื่อมีวาระซ่อนเร้น สอดไส้แก้ร่าง รธน.
วันนี้ (16 พ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีท่าทีไม่รับหนังสือของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับทัศนคติ ของนายจักภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ทำหนังสือถึงนายสมัครเป็นวิธีการที่นุ่มนวลที่สุด และการส่งตรงถึงนายสมัครเพราะพรรคไม่ต้องการให้เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป แต่การที่นายสมัครตัดเยื่อใยเช่นนี้ ชี้ให้เห็นว่านายสมัครไม่พร้อมรับความจริง รวมทั้งมีความพยายามที่จะนำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นการเตะลูกออกข้างทางเพื่อซื้อเวลา เพราะกว่าจะได้ข้อยุติในกระบวนการยุติธรรมต้องใช้เวลานาน จึงอยากให้นายสมัครตัดสินใจ ไม่ต้องรอหลักฐาน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่คดีอาญา หรือคดีแพ่งที่จะมีการเอาผิดจากหลักฐานที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นสังคมจะเกิดความกังขาได้ ซึ่งหากนายสมัครอ่านเนื้อหาทั้งหมดก็จะเข้าใจว่า ทัศนคติของนายจักรภพเป็นอย่างไรต่อสถาบัน
“เรื่องทัศนคติอยู่ที่ความเชื่อแต่ละคนว่ามีทัศนคติต่อสถาบันเบื้องสูงอย่างไร เรื่องนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า นายสมัครมีเลือดสีน้ำเงินอย่างที่ประกาศมาตลอดหรือไม่ หรือได้เปลี่ยนสีไปแล้ว” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรจะมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญในวันที่ 9-30มิ.ย.นี้ว่า เป็นอำนาจที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ ส่วนที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ได้ประกาศว่าเพื่อพิจารณากฎงบประมาณรายจ่ายประจำ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ค้าง แต่ไม่มีการพิจาณารัฐธรรมนูญนั้น แต่ดูจากพรรคพลังประชาชน วิปรัฐบาล ที่ยืนยันว่าจะยื่นให้มีการพิจารณารัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาตนไม่ได้ทักท้วงนายชัย เนื่องจากเชื่อในสัจจะ ทั้งที่ใจจริงไม่อยากจะเชื่อเท่าใด อย่างไรก็ตามการเปิดประชุมวันที่ 9-30 มิ.ย.นี้เป็นการเปิดที่ยาวที่สุดในการประชุมวิสามัญ ตนแปลกใจสภาชุดนี้ว่า ทำไมให้มีการเปิดได้เกือบเดือนทั้งที่การพิจารณางบประมาณใช้เวลา 3 วันก็จบได้ แต่เมื่อชี้แจงว่าจะพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเพิ่มเข้ามา จึงอยากตั้งข้อสังเกตว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ยื่นสภามานานแล้ว แต่ทำไมมาบรรจุในสามัญปกติ เชื่อน่าจะมีวาระซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง และการเปิดระยะเวลาของการประชุมที่ยาวไปเกือบเดือน เพื่อที่จะให้กระบวนการการแก้รัฐธรรมนูญ มีโอกาสเขามาบรรจุอยู่ในสภาสมัยวิสามัญนี้ได้ จึงจะเป็นบทพิสูจน์คำพูดของนายชัยที่ประกาศไว้ว่าเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน
