xs
xsm
sm
md
lg

“สดศรี” อ้าง กกต.เล็งกลับสังกัดเดิมหากแก้ รธน.สำเร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสดศรี สัตยธรรม
“สดศรี” อ้าง กกต.กำลังเล็งหาลู่ทางกลับต้นสังกัดเดิม หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ พูดพิลึกสรุปดื้อๆ เด้ง “เกษม วัฒนธรรม” พ้นประธาน กกต.บุรีรัมย์ ไม่เกี่ยวช่วยงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้ แค่โยกย้ายปกติ

วันนี้ (13 พ.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยว่า เดินทางไปยังศาลฏีกา วานนี้ ว่า ไม่ได้ไปเป็นพยานในคดีการพิจารณาการทุจริตเลือกตั้งของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน แต่เดินทางไปเพื่อประสานงานที่สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อติดตามความคืบหน้าในการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยศาลยุติธรรม ที่จะขยายอายุการเป็นผู้พิพากษาจากที่เกษียณอายุราชการ 60 ปี ออกไปเป็น 70 ปี อีกทั้งยังได้สอบถามว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดวาระการดำรงตำแหน่งของ กกต.จริง ตนจะสามารถกลับไปอยู่ที่ศาลได้หรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ เพราะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ยังไม่ออก และระเบียบในการให้รับกลับศาลก็ยังไม่มี เพราะศาลมีระเบียบว่าหากลาออกจากศาลระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาอาวุโสก็สามารถกลับไปทำงานต่อในตำแหน่งเดิมได้ แต่สำหรับตนลาออกมาก็เกษียณอายุราชการพอดี

นางสดศรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดวาระ กกต.จริง กกต.3 คนประกอบด้วย ตน นายสมชัย จึงประเสริฐ และ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ก็จะติดปัญหาว่าจะกลับไปศาลไม่ได้ เพราะออกจากศาลขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาที่ไม่มีกฎหมายมารองรับในการกลับศาล แต่สำหรับกรณีของ นายวิชา มหาคุณ ที่ออกมาดำรงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น สามารถกลับศาลได้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 มีการแก้ไขก็จะเกิดปัญหาอีกว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยศาลยุติธรรมจะออกได้หรือไม่

“พอรัฐสภามีแนวโน้มว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ กกต.ทุกคนก็เตรียมและหาลู่ทาง เพื่อหางานใหม่ เพราะไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง ส่วนตัวก็หาทางกลับไปทำงานที่ศาลเหมือนเดิม แต่ก็ติดปัญหา ดังนั้น คงต้องรอคำตอบจากสำนักงานศาลยุติธรรมว่าจะมีคำตอบอย่างไร ทั้งนี้ ส่วนตัวก็จะรอให้มีการสรรหาให้ได้ กกต.ชุดใหม่ก่อน แต่ก็จะติดตามข้อมูลว่ามีที่ว่างที่ศาลหรือไม่ด้วย” นางสดศรี กล่าวและว่า ทั้งนี้ ทราบว่า นายประพันธ์ นัยโกวิท ก็จะกลับไปสำนักงานอัยการเช่นกัน

นางสดศรี กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณากรณีพรรคพลังประชาชนปลอมลายเซ็น นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รมช.มหาดไทย และในฐานะรองหัวหน้าเพื่อแผ่นดิน ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ขึ้นอยู่กับกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องรอพิสูจน์ลายเซ็นให้เรียบร้อยก่อน ส่วนกระแสข่าวที่ว่า สตช.สรุปผลการสืบสวนแล้วว่าเป็นลายมือชื่อของนายสิทธิชัย จริง ซึ่งสวนทางกับคำวินิจฉัยของศาลฎีกาและจะส่งผลต่อการวินิจฉัยของ กกต.นั้น

นางสดศรี กล่าวว่า ต้องรอผลสรุปอย่างเป็นทางการก่อน และจะนำมาหารือในที่ประชุมใหญ่กกต.ว่า จะยืนตามความเห็นเดิมของ กกต.ที่เป็นรายมือของนายสิทธิชัยจริง ทั้งนี้ หากมีการชี้ชัดว่าเป็นลายมือของนายสิทธิชัยจริง พรรคพลังประชาชนในฐานะผู้เสียหายอาจจะต้องยื่นเรื่องร้องเรียนมาให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องการแจ้งความเท็จ นางสดศรี กล่าวถึงการโยกย้ายนายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และประธาน กกต.บุรีรัมย์ไปเป็นรองผู้ว่าจังหวัดนครนายก ว่า เรื่องการโยกย้ายเป็นเรื่องภายในของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งการโยกย้ายข้าราชการภายในสังกัด กกต.คงไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายงานได้ ส่วนการที่นายเกษม ถูกย้ายออกจากบุรีรัมย์แล้ว ถือว่าเป็นการสิ้นสุดหน้าประธาน กกต.และต้องหาคนใหม่มาทำงานแทนต่อไป

ทั้งนี้ หาก นายเกษม รู้สึกว่า ถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม ก็ไม่สามารถมาร้องที่ กกต.ได้ แต่ควรจะไปร้องที่กระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นหน่วยงานต้นสังกัด กกต.ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของนายเกษม เมื่อถามว่า แสดงว่า การที่ นายเกษม ถูกย้ายครั้งนี้ เป็นเรื่องการโยกย้ายตามปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับการมาช่วยงาน กกต.ใช่หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าจะเกี่ยว เพราะว่าก่อนหน้านี้มีการย้ายผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ ถึง 6 คน ซึ่งเราต้องเคารพการทำงานของแต่ละฝ่าย แต่ถ้าจะให้ดีควรไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย จะดีสุด

/0110
กำลังโหลดความคิดเห็น