xs
xsm
sm
md
lg

แฉเล่ห์ “พลังแม้ว” ดึงมวลชนหนุนแก้ รธน. - ติง “หมัก” ด่ากระทบ “ปีย์” ไม่เลิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายการยามเฝ้าแผ่นดินเอเอสทีวี ดำเนินรายการโดยคำนูณ สิทธิสมานสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ระบบสรรหา และจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
“ยามเฝ้าแผ่นดิน” แฉ “พลังแม้ว” เปิดเกมมวลชนดึงม็อบพระ-ฆราวาสหนุนแก้ไข รธน. ขณะชะตากรรม “จักรภพ” ใกล้จุดจบ หลังกล่าว “สปีช” ล่อแหลม นายใหญ่หวั่นพาพังทั้งก๊วน ย้ำ “หมัก” ด่า “ไอ้หัวเถิก” จงใจกระทบ “ปีย์” ชี้เรียกคนพบเพื่อหาทางบล็อกเว็บหมิ่น แต่กลับโดนนายกฯ ด่า สร้างเรื่องป่วนเมือง แถมเลยเถิดโยงท่านเจ้าคุณวัดยานนาวา


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสีทีวี คืนวันที่ 12 พฤษภาคม นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบบสรรหา และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ โดยในช่วงแรกได้กล่าวถึงบทความ “จักรภพ เพ็ญแข ระวัง! – จะถูก ‘วิสามัญฯ’ ตัดตอน !?” ที่ตีพิมพ์ใน “ผู้จัดการรายวัน” ฉบับวันที่ 12 พ.ค.2551 และนำเสนอทางเว็บไซต์ผู้จัดการ (www.manager.co.th) โดยขยายความเพิ่มเติมว่า ในสถานการณ์สัประยุทธ์ที่สองฝ่ายเผชิญหน้าตรวจแถว เตรียมพร้อม สัปดาห์ก่อนรัฐบาลเปิดเกมโดยใช้ประชาชนยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่าหนทางยื่นโดย ส.ส.นั้นไม่ง่าย อ้างเป็นความต้องการของประชาชน รัฐบาลไม่มีความเกี่ยวข้อง กลายเป็นว่า สภาฯ จะพิจารณาตามความต้องการของประชาชน

ถามว่า ประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้นมาจากไหน เห็นกันชัดเจนๆ ว่า ส่วนหนึ่งเคยร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต่อต้านไม่เอารัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 เป็นเครือข่ายที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่นำการเคลื่อนไหวโดยแกนนำม็อบ นปก.เป็นสถานการณ์สงครามการเมืองที่สองฝ่ายประจันหน้า โดยรัฐบาลเป็นฝ่ายเปิดเกมมวลชนก่อน

ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวยังมีนัยที่สำคัญไม่ใช่เพียงการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาฉบับปี 2540 มาใช้ แต่กลับพวงเอาประเด็นการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ เป็นประเด็นที่มุ่งสร้างความขัดแย้งที่ยากจะหาข้อสรุป อีกทั้งยังได้แนวร่วมจากวัดพระธรรมกาย ที่เคยเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย สถานการณ์ในขณะนี้จึงล่อแหลม เต็มไปด้วยความสับสน

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชาชนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยอ้างว่าจะเอาฉบับปี 2540 ซึ่งเป็นฉบับที่ดีสุดกลับมาใช้นั้น เป็นเพียงข้ออ้าง เพราะเอาเข้าจริงแล้วรัฐธรรมนูญฉบับที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ฉบับปี 2540 เพราะปี 2540 ไม่มีการบัญญัติว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ตามที่เขาเอากลุ่มพระเข้ามาร่วมเคลื่อนไหวในขณะนี้ รวมทั้งการที่บอกว่าจะไม่แก้หมวดที่ 2 แต่ถ้าแก้เรื่องศาสนา ก็ต้องแก้หมวดที่ 2 ด้วย

**ท้า “เพ็ญ” เปิดเทปสปีชภาษาอังกฤษให้ ปชช.ร่วมตัดสิน

ผู้ดำเนินรายการ ยังกล่าวถึงบางตอนของข้อเขียน ในคอลัมน์ “ข่าวข้นคนเข้ม” ของ นสพ.ข่าวสด ฉบับประจำวันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2551 เป็นข้อเขียนตอนที่กล่าวถึงนายจักรภพ เพ็ญแข และสปีชภาษาอังกฤษ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 โดยตรง ซึ่งมองว่าเป็นประเด็นที่ใหญ่มาก และยังเป็นการตอกย้ำ รู้เห็นชัดเจนว่า นายจักรภพคิดอย่างไร ที่ผ่านมาเคยท้าให้นายจักรภพนำเทปในวันดังกล่าวมาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง 11) ให้คนไทยที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศร่วมกันตัดสินว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นเหมาะสมหรือไม่ หากมั่นใจว่าที่พูดไปนั้นไม่เข้าจ่ายหมิ่นเบื้องสูงแต่อย่างใด

“นายจักรภพอย่ามัวแสดงท่าทีสวิงสวาย ออกลีลามากนัก ต้องการนำเทปมาออกอากาศ เอเอสทีวี พร้อมเป็นตัวกลางเผยแพร่ประชาสัมพันธ์วันออกอากาศของเทปดังกล่าวให้ จะได้พิสูจน์และรู้กันเสียทีว่า สิ่งที่เอเอสทีวีได้วิพากษ์วิจารณ์มาตลอดนั้น มันเป็นการแสดงความคิดเห็นที่อคติต่อนายจักรภพจริงหรือไม่”

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึงคอลัมนิสต์อาวุโสหนึ่งในกลุ่มที่ถูกเรียกขาน “พญาไม้” ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสปีชภาษาอังกฤษของนายจักรภพ ผ่านบทความในหนังสือพิมพ์ ว่า ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าพญาไม้สนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบัน และยืนอยู่ข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่ากันว่า ในระยะหลังเป็นคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร รับฟังข้อเสนอแนะมากที่สุดคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีนำทางความคิดที่มีเส้นสายเครือข่ายทางการเมืองสูง และคนพวกนี้จะจมูกไว

ความหมายในสปีชภาษาอังกฤษของนายจักรภพ พญาไม้ มองว่า เนื้อหาในสปีชนั้นมีความรุนแรงและความชัดเจนแห่งข้อกล่าวหาที่จะทำให้กองทัพตัดสินใจรัฐประหารได้ไม่มีปัญหา อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น พญาไม้ได้เรียกร้องให้นายจักรภพมีสปิริตที่จะเสียสละตนเองเพื่อไม่ให้ “พรรค” และ “พวก” ได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย

ขณะเดียวกัน วงในระดับพญาไม้ยังคิดเห็นผ่านข้อเขียนว่า นายจักรภพดูเริ่มปลงๆ กับอนาคตของตัวเอง กำลังตกอยู่ในฐานะใกล้เคียงกับนายเนวิน ชิดชอบ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มเห็นว่า แสดงบทบาทรุนแรงเลยเถิดไป ความได้เปรียบจากชัยชนะเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ถูกแปรเป็นความเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ในภาพรวมหากสังเกตจึงเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาให้บทบาทกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ในนามมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ที่ตามมาด้วยเว็บไซต์ไฮทักษิณปิดตัวเอง พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ปล่อยให้สถานการณ์ในทางลบเกิดขึ้นกับตัวเองอีกแน่นอน

**“หมัก” ด่า “ไอ้หัวเถิก” จงใจกระทบ “ปีย์”

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีพูดในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยกล่าวหา “ไอ้หัวเถิก” สร้างความปั่นป่วนให้กับบ้านเมืองนั้น “คนหัวเถิก” ที่นายสมัครพูดถึงน่าจะจงใจให้หมายถึงนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เจ้าของบริษัท แปซิฟิก คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งสอดคล้องกับที่นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาเคยเขียนถึงคนคนนี้ผ่านคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์มาแล้วว่าเป็นหัวหน้าองค์กรประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่ให้กับระบอบอำมาตยาธิปไตย ซึ่งการพูดเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสม

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า นายสมัครกล่าวถึง “ไอ้หัวเถิก” ตอนหนึ่งว่า “ไอ้หัวเถิก” ได้เรียกใครต่อใครไปพบนั้น อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องของคนไทยที่รักชาติ รักแผ่นดิน รักสถาบัน เมื่อเห็นความไม่ถูกต้องและอยากให้รัฐบาลแก้ไข แต่รัฐบาลไมได้แก้ เขาก็ต้องเสนอแนะให้แก้ ในกรณีนี้เข้าใจว่านายปีย์ที่ได้พูดกับใครต่อใครที่ไปพบนั้น เพราะต้องการให้มีการบล็อกเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันหรือโจมตีราชวงศ์ ทำให้ต้องมีการพบปะกับผู้คนหลายคน

นายคำนูณ กล่าวอีกว่า นอกจากนายสมัครจะกล่าวหานายปีย์ว่าเป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย กล่าวหาเสียๆ หายๆ แล้ว ยังพูดไปไกล ไปเกี่ยวข้องกับพระผู้ใหญ่ คือท่านเจ้าคุณพระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ไปหาแทบทุกคน รวมทั้งนายปีย์ รวมทั้งนายสมัครด้วย

ที่บอกว่ารู้จักท่านมาตั้งแต่เรียนอยู่อเมริกา ความที่ท่านรู้จักนายสมัครด้วย นายปีย์ก็คงฝากข้อความในลักษณะให้ความเห็นบางประการ แล้วท่านเจ้าคุณก็คงไปบอกนายสมัครในฐานะนายกในบางเรื่อง แล้วในที่สุดนายสมัครก็เอาชื่อท่านมาออกทีวี

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ชื่อของวัดยานนาวาเคยปรากฏเป็นข่าวเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางเข้าประเทศไทย แล้วมาบวชที่วัดแห่งนี้ แต่ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่มาบวช และตอนที่นายสมัครเป็นนายกฯ ใหม่ๆ ก็เคยไปกราบนมัสการ วัดยานนาวาจึงเป็นวัดที่มีความสำคัญ ท่านเจ้าคุณพระพรหมวชิรญาณก็เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มีความสำคัญ แต่สถานการณ์ขณะนี้ นายสมัครออกมาพูดเปิดเผยไปหมด ไม่รู้ไปถึงไหนต่อถึงไหน

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )




กำลังโหลดความคิดเห็น