“เอแบคโพลล์” สวน “หมัก” ยันทำโพลเคร่งครัดต่อระเบียบวิจัย ผลที่ได้จึงสะท้อนความรู้สึกประชาชนที่เห็นว่ารัฐบาลไมได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และอึดอัดกับพฤติกรรมนักการเมือง เผย หดหู่ ผู้นำประเทศใช้ความรุนแรงทางอารมณ์และคำพูด หวั่นกระตุ้นพฤติกรรมก้าวร้าวของเยาวชน แต่พร้อมอโหสิ
กรณี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต่อว่า เอแบคโพลล์ ว่า เป็นโพลที่เฮงซวยที่สุด วันนี้(28 เม.ย.) ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้ส่งใบแถลงข่าวชี้แจงไปยังสื่อมวลชนสาขาต่างๆ ว่า เอแบคโพลล์ เป็นสำนักวิจัยที่ทำงานมาเกือบ 15 ปีแล้ว พวกเราไม่ใช่โพลเฉพาะกิจ การทำงานมีความเคร่งครัดต่อระเบียบวิธีวิจัย จึงน่าจะได้ข้อมูลที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากความรู้สึกนึกคิดของประชาชนทั้งประเทศเท่าใดนัก เช่น เห็นว่า ตอนนี้ปัญหาหลัก คือ ปัญหาปากท้องของประชาชน แต่รัฐบาลไปเน้นเรื่องไกลตัวจนไม่ก่อให้เกิดความรับรู้ในหมู่ประชาชน ว่า รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อารมณ์ความรู้สึกเดือดร้อน และอึดอัดกับพฤติกรรมของนักการเมือง และบรรยากาศทางการเมืองก็ย่อมจะเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ดร.นพดล ชี้แจงต่อว่า การที่พวกเราโดน นายสมัคร สุนทรเวช ออกมาตำหนิโพลของพวกเรานั้น พวกเราขอขอบคุณท่าน เพราะท่านเป็นผู้อาวุโส และมีตำแหน่งเป็นผู้นำประเทศ พวกเรายอมรับ เพราะพวกเราอยู่ในสังคมไทยที่มีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามให้ความเคารพผู้ใหญ่ แต่ถ้ามองในแง่การเมืองแล้ว การที่ท่านบอกว่า ผลโพลทำให้ไปลงที่รัฐบาล เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภา พวกเราอยากให้สังคมย้อนความทรงจำไปว่าใครเปิดประเด็น เปิดประเด็นกับสื่อมวลชน ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้ไปเปิดประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สภา ท่านเปิดประเด็นกับสังคม พวกเราจึงถามความเห็นของสังคม
“พวกเรารู้สึกหดหู่ใจกับการมีผู้นำประเทศที่ใช้ความรุนแรงทางอารมณ์ และคำพูดที่อาจไปกระตุ้นพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กๆ และเยาวชนไทย ตัวผมเองเคยทะเลาะกับอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ หลายครั้ง แต่การตำหนิพวกเราโดยนายกรัฐมนตรีท่านนี้ก็เป็นการตอบโต้ทางหลักวิชาการ ชี้แจงทำความเข้าใจกันได้ด้วยเหตุและผล แต่ถ้าพบกับผู้นำประเทศที่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งก็เกรงว่า จะคุยกันไม่รู้เรื่อง และอะไรจะเกิดขึ้นกับสังคมไทยที่รักความสงบขอให้สังคมช่วยกันพิจารณา แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา รัฐบาลที่ทะเลาะกับสื่อมวลชนและโพลล์มักจะอยู่ได้ไม่นาน
“พวกเราขอยืนยันว่า พวกเราไม่มีอนาคตทางการเมือง ไม่ฝักใฝ่ทางการเมือง เพราะทำงานทางการเมืองไม่เป็นชีวิตนี้ ทั้งชีวิตขอเป็นนักวิจัยที่ต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาทั้งในและต่างประเทศเพื่อค้นหาข้อมูลให้กับสังคมไทยเพียงอย่างเดียว และนี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มักจะถูกตำหนิต่อว่าจากฝ่ายการเมืองเป็นประจำไม่ว่ารัฐบาลชุดใด เพราะพวกเราไม่เคยทำงานตอบสนองฝ่ายการเมือง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ พวกเราขอประกาศว่า พวกเราอโหสิกรรมทุกประการ” ดร.นพดล ระบุ
