“สุริยะใส” เตือนรัฐบาลดันทุรังแก้ รธน.อาจไม่มีโอกาสแก้ตัว เชื่อ หากเดินหน้าซ้ำรอยบทเรียนขายหุ้นชินฯ และยุบสภา หนีปัญหา ต่อให้มีเสียงข้างมากก็ช่วยไม่ได้ ย้ำเวทีวันที่ 25 เม.ย.ยังไม่ใช่ชุมนุมใหญ่ แต่พร้อมตลอดเวลาถ้ารัฐบาลสร้างเงื่อนไข
วันนี้ (20 เม.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า หากรัฐบาลไม่ทบทวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง ทุกอย่างอาจสายเกินแก้ หรือรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชาชนอาจไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะการเมืองไทยจะเดินวนย้อนกลับไป ณ จุดเดิมเดียวกับเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นชินฯ 73,300 ล้านบาท โดยไม่เสียภาษี และการชิงยุบสภาหนีการตรวจสอบ ในตอนนั้นพรรคไทยรักไทยมีเสียงข้างมากในสภาเบ็ดเสร็จกว่า 377 เสียง ก็ไม่สามารถอุ้มรัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นจากข้อกล่าวหาได้ จนสุดท้ายต้อง
“พรรคพลังประชาชนต้องกล้าสรุปบทเรียน ว่า เงินอาจซื้ออำนาจได้ แต่ซื้อความชอบธรรมไม่ได้ วันนี้ผลโพลก็สะท้อนชัดว่าประชาชนไม่อยากเห็นความแตกแยก จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบมัดมือชก หรือแก้เพื่อตนเอง”
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ช่าย มีเรื่องดีๆ มากมายในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และเป็นประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิชุมชน การมีส่วนร่วม การปฏิรูปสื่อ การจัดสวัสดิการให้คนยากคนจน และผู้ด้อยโอกาส การเข้มงวดในเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง รัฐบาลควรเร่งออกกฎหมายลูกมารองรับ แต่กลับเพิกเฉยห่วงแต่ประโยชน์ตนเอง ซ้ำร้ายกรรมาธิการประจำสภาผู้แทนยังตั้งไม่แล้วเสร็จ เพราะพรรคพลังประชาชนจัดสรรประโยชน์ และตำแหน่งกันไม่ลงตัว ทำให้ประชาชนต้องสูญเสียโอกาส
สำหรับการจัดกิจกรรมของพันธมิตรฯ ในวันที่ 25 เมษายน นั้นรูปแบบคล้ายกับกิจกรรมในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นการสัมนาประชาชน ยังไม่ใช่การชุมนุมใหญ่อย่างที่เป็นข่าว รายละเอียดของงานนั้นคาดว่าวัน 1-2 วัน คงเปิดเผยได้
ส่วนแนวโน้มและความเป็นไปได้ในการชุมนุมใหญหรือเดินขบวนนั้น ทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชน ถ้ายังเดินหน้ารื้อรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเองและตัดตอนองค์กรตรวจสอบ ถึงตอนนั้พันธมิตรฯ ก็คงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจยกระดับจากเวทีสัมนาเป็นการชุมนุมใหญ่แทน ซึ่งจากการประชุมแกนนำทั่วประเทศเมื่อวาน มั่นใจว่าหากถึงเวลาต้องชุมนุมจริงจะมีคนเข้าร่วมไม่น้อยกว่าการชุมนุมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
