“วิชา มหาคุณ” เผย ป.ป.ช.พร้อมรับช่วงสานต่อคดีที่คงค้างหลัง คตส.หมดวาระ เตรียมตั้ง “กล้านรงค์” ประสานเชื่อมโยงข้อมูล พร้อมยืนยันการทำงานที่ผ่านมาพิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ไม่เคยอยู่ใต้อาณัติคมช.อย่างที่เคยถูกกล่าวหา ขณะเดียวกัน เผยพบคดีทุจริตที่ดินเฉียดร้อยคดี มี “นักการเมือง-ขรก.กรมที่ดิน” พัวพัน เตรียมเร่งสางไล่บี้โดยเร็วที่สุด
วันนี้ (14 เม.ย.) นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงทิศทางการทำงานในอนาคตของ ป.ป.ช.ภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) หมดวาระลงว่า หากมีคดีความที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่ยังไม่แล้วเสร็จ ป.ป.ช.ก็พร้อมดำเนินการในคดีที่ค้างอยู่ให้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยนายกล้าณรงค์ จันทิก คณะกรรมการ ป.ป.ช.และกรรมการ คตส.เป็นผู้ประสานงานเป็นระยะ
นายวิชา กล่าวต่อว่า การตรวจสอบอาจทำให้เกิดปัญหาที่ต้องปรับการทำงานบ้าง เนื่องจาก ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจเหมือน คตส.ที่บังคับใช้กฎหมาย ทั้งของ ป.ป.ช.และกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ซึ่งหากคดีใดไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม ในคดีที่รับมาจาก คตส.ก็อาจต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนมาทำงานเพิ่มเติม หากพบว่ายังมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจให้คณะกรรมการ คตส.มาร่วมเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. หรือให้ข้อมูลเพิ่มเติม ช่วยให้การทำงานของ ป.ป.ช.สะดวกมากขึ้น
ทั้งนี้ นายวิชา ยืนยันด้วยว่า แม้ ป.ป.ช.จะได้รับการแต่งตั้งจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่ไม่ได้ถูกกำหนด หรือได้รับการสั่งการจาก คมช. ให้ปฎิบัติงานในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ เพียงแต่เป็นการสนับสนุนการทำงานเท่านั้น ที่ผ่านมา ก็ได้ทำหน้าที่อย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อปฎิบัติของกฎหมายอย่างแท้จริง
“การทำหน้าที่ ป.ป.ช.ไม่เคยมีวาระซ่อนเร้นจาก คมช. ซึ่งก่อนที่จะรับทำหน้าที่ ป.ป.ช. ได้สอบถามแล้ว เพราะไม่ต้องการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะ การทำงานที่ผ่านมาจึงพิสูจน์ได้ว่า ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา” นายวิชา ระบุ
นายวิชา เผยด้วยว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.มีคดีที่เกี่ยวกับที่ดินที่กำลังดำเนินการตรวจสอบถึงกว่า 200 เรื่อง โดยในจำนวนนั้น เป็นคดีสำคัญเกี่ยวกับการทำความผิดของนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐจากกรมที่ดิน รวมถึงการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ ถึง 90 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน มีการตั้งคณะอนุกรรมการพิเศษ ที่มีความสามารถเชี่ยวชาญ เพื่อเก็บข้อมูลตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกละเมิด ทั้งที่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จ.ภูเก็ต จันทบุรี และตราด