xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” จับเท็จ “หมัก” พูดเองแก้ รธน.หนียุบพรรค – แนะ “เหลิม”เร่งจับ “ไอ้ปื๊ด”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” สวน “หมัก”อ้างแก้ รธน.เพื่อคนรุ่นหลัง แต่เคยบอกเองต้องรีบแก้ เพื่อไม่โดนยุบพรรค พร้อมชี้ “พลังแม้ว”วางแผนลวงแก้ รธน.ทั้งฉบับ กลบเป้าหมายที่แท้จริงคือ แก้ ม. 237, และ 309 เพื่อช่วยนายใหญ่ เผยยุคอันธพาลครองเมือง คนต้านทักษิณถูกขู่ฆ่า-ทำร้ายเพียบ แนะ “เฉลิม”ตามจับ “ไอ้ปื๊ด”ให้ได้ เคลียร์ข้อครหาให้ลูกชาย

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 4 เมษายน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อ้างว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ทำเพื่อประเทศชาติว่า หากนายสมัคร มั่นใจว่าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง จะทำเพื่อลูกเพื่อหลาน ก็น่าจะรอใกล้หมดสมัยรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบที่จะแก้ไขในเวลานี้ ซึ่งตอนเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ นายสมัครก็เคยพูดไว้แล้ว นอกจากนี้ ถ้าย้อนไปดูคำพูดของนายสมัครก่อนหน้านี้ ก็สะท้อนจิตใต้สำนึกของนายสมัครว่าคิดอะไรอยู่ ที่บอกว่า ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าใครไม่โดนกับตัวเองก็คงไม่รู้

“ต้องแก้ ไม่อย่างนั้นเขาเอาแน่ๆ หรือบอกว่า เดิมทีไม่คิดจะแก้หรอก แต่เขาเล่นไม่หยุด เล่นไม่เลิก ต้องรีบแก้ ไม่อย่างนั้นเขายุบแน่ๆ คือคำพูดแบบนี้”

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า อย่างน้อยรัฐบาลควรรอให้ผลการวินิจฉัยคดีทุจริตเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร เสร็จสิ้นจะถูกผิดก็ว่ากันไป ถ้าผิด ก็ยังมีโอกาสต่อสู้ในชั้นศาล แต่ขณะนี้รัฐบาลทำยังกับว่าตัวเองกำลังจะแพ้ กลัวว่าพรรคพลังประชาชนจะถูกยุบ จึงต้องเร่งรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญในท้ายที่สุด

"รัฐบาลกำลังพยายามลวงประชาชน ทำเหมือนว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายมาตรา โดยเอารัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 มาอ้างอิง เป็นวิธีการหลบกระแสต่อต้านการแก้ไขมาตรา 237 และ 309 เพราะรู้ว่าสองมาตรานี้มีความละเอียดอ่อนสูง มาตรา 237 ผลประโยชน์ขัดกันสูง ส่วนมาตรา 309 ก็เป็นการลดทอนอำนาจในกระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ผลพวงจากการรัฐประหารให้มีน้ำหนักน้อยลง ซึ่งหากจะแก้ไขเพียงสองมาตรา รัฐบาลก็กลัวประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้และต่อต้านอย่างที่คาดไม่ถึง ดังนั้นหากรัฐบาลมีเจตนาทำเพื่อบ้านเมือง ก็ควรรอให้คดีความทุกอย่างไปสู่ข้อยุติ"

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังกล่าวถึงคำพูดของนายสมัครที่กล่าวถึงร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ว่า คงไม่มีอะไรทำ กรณีที่ ร.ท.กุเทพ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เขาก่อนหน้านี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีความขัดแย้งในพรรคพลังประชาชน และมีกระแสกดดันนายสมัครภายในพรรคพลังประชาชนจริงๆ แต่นายสมัคร ก็คงมีดีพอที่จะเอาตัวรอด โดยเฉพาะมีอำนาจพอที่จะต่อรอง ทั้งการเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นายสมัคร จะไม่รู้สึกหนักใจกับกระแสกดดันจากภายในพรรค

ต่อมาผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงการเดินทางไปทำพิธีสืบชะตาในจังหวัดภาคเหนือ พร้อมกับไปงานวันเกิดนายยงยุทธ ติยะไพรัช ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ระบอบทักษิณมีเป้าหมายล้มล้างคดีความ โดยจะต้องทำอยู่สองอย่าง คือ แก้รัฐธรรมนูญ และทำการรัฐประหารตัวเอง ตามแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ สอดคล้องกับการเดินทางไปอีสาน และเหนือ เพื่อระดมมวลชน ผนวกกับการที่นายประชา ประสพดี ประกาศระดมมวลชนเข้ามาชุมนุม3 วัน 3 คืน เหมือนเป็นการเตรียมการล่วงหน้า

"เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงคิดหนักหากจะรัฐประหารตัวเอง เนื่องจากนายสมัคร ประกาศจับมือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.รับประกันว่าจะไม่ทำการรัฐประหาร เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเกิดการรัฐประหาร มันน่าคิดอยู่เหมือนกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะอยู่อย่างไร จะไปอยู่เมืองนอกหรือไม่ ดังนั้นสถานการณ์ในเวลานี้จึงเป็นสถานการณ์ที่เปราะบางมาก"

จากนั้นผู้ดำเนินรายการ ได้นำปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไปเทียบเคียงกับประเทศตุรกี โดยกล่าวว่า ลักษณะปัญหาการเมืองภายในตุรกีไม่แตกต่างอะไรกับไทย มีการยุบพรรคการเมือง และสั่งตัดสิทธินักการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เพราะไปแยกคำสอนทางศาสนาออกจากรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวหากันไปมาระหว่างพรรคการเมือง จนนำไปสู่แนวความคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่รู้ว่าใครเลียนแบบใคร ดังนั้นสถานการณ์ทางการเมือง รวมทั้งการยุบพรรคจึงไม่ได้มีอยู่เฉพาะในประเทศไทยประเทศเดียว อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวอ้าง

ส.ส.ถ่อย “นักเลง” หรือ “อันธพาล”

กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย พูดถึงสาเหตุที่นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชาชน ทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นเพราะนายสมเกียรติเล่นหลายบท ซึ่งไม่น่ารัก เสียความหล่อ และการพูดว่าถ้ายังข้องใจให้ไปเจอกันข้างนอก คนทั่วไปจะเข้าใจว่าเป็นการท้าทาย นอกจากนี้ยังบอกว่าในสภามีนักเลงเยอะนั้น ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า วันนี้ ร.ต.อ.เฉลิมพูดสุภาพขึ้น ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ที่มีคำว่า ไอ้พันธมิตร ไอ้โน่น ไอ้นี่

อย่างไรก็ตาม สำหรับบทบาทของนายสมเกียรตินั้น นายสมเกียรติรู้ดีว่าทำอะไร ไม่ว่าจะอยู่ในสภาหรืออยู่นอกสภา และเขารู้ว่า การที่เขาเข้าสู่สภาได้นั้นมาจากจุดยืนที่อยู่กับพันธมิตรฯ ที่ห้อมล้อมด้วยประชาชนมหาศาล

ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่า ให้ระวังเพราะในสภามีนักเลงอยู่เยอะนั้น ถือว่าเป็นการข่มขู่อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คำว่านักเลงกับอันธพาลนั้นต่างกัน คนเป็นนักเลงจะพูดคำไหนคำนั้น แต่สำหรับคนที่ไปทำร้ายคนอื่นด่าว่าคนอื่นด้วยคำหยาบคายแล้วมาโกหกว่าเข้าไปพูดด้วยความสุภาพนั้น เขาไม่เรียกนักเลง แต่เรียกว่าอันธพาลหรือกุ๊ย เปรียบเทียบไม่ได้กับเมื่อครั้งที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ชกนายอดุลย์ วันไชยธนวงศ์ ในที่ประชุมวุฒิสภาเพราะในครั้งนั้น พล.ต.อ.ประทินยอมรับผิด และพร้อมเผชิญหน้ากับความจริง

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า นายการุณจะโกหกหรือไม่นั้น อยู่ที่การพิสูจน์จากพยานหลักฐาน และอย่างน้อยในใจของนายการุณย่อมรู้ดีว่าตัวเองโกหกหรือไม่ แต่อย่าลืมว่า มีพยานคนสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ คือ ม.ร.ว.กิตติวัฒนา ไชยันต์ ปกมนตรี ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินที่เห็นเหตุการณ์ว่า มีส.ส.ตัวเล็กๆ พูดจาด่าทอด้วยคำหยาบคาย และ ม.ร.ว.กิตติวัฒนา ก็ได้เข้าเป็นกรรมการสอบสวนด้วยแล้ว

“ไม่เข้าใจว่านิยามของคำว่านักเลงที่คุณเฉลิมพูดคืออะไร แต่ถ้าคำว่าอันธพาลก็คือคนที่หาเรื่องเขาไปทั่ว แล้วไม่ยอมรับผิด และทำให้นึกถึงงิ้วธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ใช้ชื่อตอนว่า 2551 อันธพาลครอง
เมือง”ผู้ดำเนินรายการกล่าว

แฉยุค “อันธพาลครองเมือง”

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่นึกไม่ถึงอยู่หลายเรื่อง ล่าสุด นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม เข้าไปพบ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ (อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ผู้ต้องขังในคดีอุ้มฆ่า 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์) ถึงในคุก แล้วเข้าไปกอด อาจจะมองว่า เป็นเพราะรัฐมนตรีมีเมตตา และกำลังจะรื้อฟื้นคดีเพชรซาอุฯ แต่คำถามก็คือว่า ทำไมต้องให้ความสำคัญกับนักโทษคนหนึ่งถึงขนาดที่รัฐมนตรีต้องเข้าไปหาท่ามกลางสื่อมวลชนที่รายล้อม และไม่เข้าไปพบธรรมดา มีการจับมือและโอบกอดหลายครั้ง ทั้งที่การสอบสวนนักโทษนั้นมีกระบวนการของมัน และเป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนจะมาสอบสวนเองเรื่องเพชรซาอุฯ แต่การแสดงออกอย่างี้ เป็นเพราะต้องการกระทบชิ่งไปถึงนายตำรวจที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามหรือไม่

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีกรณีลูกชายของนายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนันที่ จ.เชียงราย พยานในคดีทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช เข้ายื่นร้องขอความคุ้มครองจาก กกต. หลังจากถูกขู่ฆ่าหลายครั้ง กรณีนายวีระ สมความคิด ประธานอำนวยการเครื่อข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น ถูกขู่ฆ่าหลายครั้ง ทั้งที่เป็นแค่เอ็นจีโอที่ไม่มีอำนาจและไม่มีผลประโยชน์ทางการเมือง

แล้วก็มีข่าว ส.ส.โดดถีบคนอื่นแบบอันธพาลและถ่อย ซึ่งถ้า ส.ส.พรรคเดียวกันจะโกหกเพื่ออุ้มคนๆ นี้ สภาแห่งนี้ก็จะเป็นสภาถ่อย และต้องเรีกยกกลุ่มคนที่ไปอุ้มว่าเป็นคนถ่อยทั้งกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีข่าวม็อบไปก่อกวนงานสัมมนาของพันธมิตรฯ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขว้างปาชาวสันติอโศกผู้ปฏิบัติธรรมที่ไปร่วมงานสัมมนาอย่างสงบ ทั้งเด็ก ผู้หญิงได้รับบาดเจ็บ มีคนร้ายใช้มีดฟันทนายความของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. กลางศาล หรือที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข บอกว่า มือปืนจะฆ่าใครต้องบอกเขาก่อน และเรียกเขาว่าหัวหน้า

ย้อนไปก่อนหน้านี้ มีม็อบที่หน้าบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทำลายข้าวของ ทรัพย์สินราชการ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ หรือที่หน้าห้างเวิลด์เทรด ประชาชนที่ไประท้วงตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ถูกรุมกระทืบ โดยตำรวจไม่สนใจ ม็อบป่าไม้ไปก่อกวนข่มขู่ที่สวนลุมพินี ม็อบคาราวานคนจนบุกเนชั่น ม็อบมอเตอร์ไซค์ บุกมาที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

“สิ่งเหล่านี้เกิดซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เป็นพฤติกรรมซ้ำซาก และไม่ได้เกิดจากฝั่งตรงข้ามของระบอบทักษิณเลย พันธมิตรไม่เคยทำอย่างนี้ มีแต่ฝั่งตรงข้ามที่เข้ามาก่อก่วน ทำร้ายประชาชน”

แนะ “เป็ดเหลิม” ตามจับ “ไอ้ปื๊ด” ให้ได้

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวย้ำว่า คนที่เป็นรัฐมนตรีมหาดไทยจะต้องดูแลเรื่องนี้ให้คลี่คลาย และถ้าตนเป็น ร.ต.อ.เฉลิมเรื่องที่จะทำเรื่องแรกคือ จะตามจับไอ้ปื๊ดคนที่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่า เป็นคนฆ่าดาบยิ้ม ให้พบก่อน เพราะเป็นคนฆ่าตำรวจ

“ถ้าบอกว่าลูกของตัวเองไม่ผิด ต้องตามไอ้ปื๊ดให้เจอ อย่างน้อยก็ให้สังคมหายคลางแคลง เพราะตราบใดที่ยังไม่จับไอ้ปื๊ด บ้านเมืองจะวุ่นวาย เพราะไอ้ปี๊ดยังลอยนวลอยู่ ไม่รู้จะไปฆ่าใครอีก”

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า นอกจากปัญหาอันธพาลแล้ว ยังมีปัญหาปากท้องของชาวบ้านที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าว ราคาหมู และปัญหาภาคใต้ ที่พี่น้องกำลังรอความช่วยเหลืออยู่ ซึ่งจากสถิติที่มีการรายงานออกมานั้น ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2547 จนถึงเดือนธันวาคม 2550 มีเหตุไม่สงบเกิดขึ้น 9,379 ครั้ง มีคนตาย 2,757 คน เป็นเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี เกือบ 60 คน มีเด็กกำพร้าพ่อแม่ 2 พันกว่าคน เพราะฉะนั้น ภาครัฐกรุณาทำงานเถอะ อย่ามานั่งถกเถียงกันว่าจะแก้รัฐธรรมนูญมาตราไหน จะยังเอานายกฯ คนนี้อยู่ไหม จะกดดันกันในทางข่าว หรือตอบโต้กันอย่างไร



กำลังโหลดความคิดเห็น