ผู้จัดการออนไลน์ – เผย การุณ โหสกุล ไม่เพียงแสดงสันดานดิบกระโดดถีบ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ตรวจพบเจ้าตัวยังกล้าแจ้งวุฒิการศึกษาปลอมกับสภาฯ ว่าจบ ปวส. โรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิต จ.นครศรีธรรมราช ทั้งๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการเคยฟันไปตั้งแต่ปี 2548 แล้วว่าใช้วุฒิการศึกษาปลอมดังกล่าวเพื่อเข้าเรียนที่ มสธ.
“เก่ง” การุณ โหสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตดอนเมือง ผู้ก่อเหตุกระโดดถีบ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์กลางสภาอันทรงเกียรติ เกิดวันที่ 4 ธันวาคม 2510 (ปัจจุบันอายุ 40 ปี)
บิดาคือ นายสมพรรษา โหสกุล (เสียชีวิตแล้ว) มารดานางสุบรรณ ถนัดทาง มีพี่ชาย 1 คนคือ นายสุริยา โหสกุล ซึ่งปัจจุบันเป็น ส.ก.เขตดอนเมือง มีพี่สาว 1 คน หย่าขาดกับอดีตภรรยา นางรัชดาวรรณ เกตุสะอาด (โหสกุล) อดีต ส.ก.เขตดอนเมืองแล้ว โดยมีบุตรด้วยกัน 2 คน
ประวัติทางการเมือง ไต่เต้าขึ้นมาจาก ส.ข., ส.ก.ของพรรคชาติไทย ด้วยความที่เป็นคนที่หน้าตาและบุคลิกเหมือนพระเอกลิเก มืออ่อนปากหวาน ทำให้ได้เปรียบในการหาเสียง ทั้งยังมีฐานธุรกิจที่หลากหลายทำให้ได้รับความนิยม ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะย้ายไปสังกัดกับพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วไปในปี พ.ศ.2548 ก่อนที่จะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเนื่องจากถูกศาลตัดสินว่าใช้วุฒิการศึกษาปลอม ด้านเว็บไซต์ของสภาฯ ระบุว่า มีประสบการณ์ทางการเมืองสำคัญ โดยเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ในการเลือกตั้งปี 2550 ลงสมัครในนามพรรคพลังประชาชน ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเป็นอันดับที่ 3 ในการเลือกตั้งเขตที่ 5 กรุงเทพฯ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีประวัติอาชญากรรม การใช้ความรุนแรง คดีความต่างๆ มากมาย อ่านเพิ่มเติม เตือนความทรงจำ คดีความ “ส.ส.สุดถ่อย!” จากทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์
สำหรับกรณีวุฒิการศึกษาของนายการุณ เมื่อทางทีมข่าวผู้จัดการออนไลน์ได้เข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์ของสภาผู้แทนราษฎร ก็พบว่าในหน้า ประวัติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ของนายการุณ นายการุณได้แจ้งวุฒิการศึกษากว่าจบการศึกษาระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) โรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิต
อย่างไรก็ตามในปี 2548 กลับมีข่าวระบุอย่างชัดเจนว่า ทางกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า สำนักทะเบียนและวัดผล มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงเพื่อตรวจสอบวุฒิการศึกษาของนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยในรายชื่อที่สอบถามมาทั้งหมด มีชื่อนายการุณ โหสกุล ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยรักไทย เขตดอนเมือง อยู่ด้วย โดยผลการตรวจสอบพบว่านายการุณ ไม่ได้เป็นผู้สำเร็จการศึกษาของโรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิต และทางสภามหาวิทยาลัย มสธ. ได้มีมติถอนปริญญาบัตรของนายการุณในเวลาต่อมา
รายงานข่าวแจ้งว่า นายการุณได้สมัครเข้าเรียน มสธ. 2 ครั้ง โดยครั้งแรกใช้วุฒิการศึกษาจากโรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิต จ.นครศรีธรรมราช และครั้งที่สองใช้วุฒิการศึกษาของโรงเรียนธนกิจพาณิชยการ ซึ่งทาง มสธ. ได้ตรวจสอบวุฒิการศึกษาตามระเบียบปฏิบัติของมหาวิทยาลัย โดยทำหนังสือถามไปยังสำนักงานการศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ดูแลรับผิดชอบโรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิตและสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ที่ดูแลรับผิดชอบโรงเรียนธนกิจพาณิชยการ โดย จากการตรวจสอบของ สช.พบว่า โรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิตปิดโรงเรียนไปแล้วตั้งแต่ปี 2538 ส่วนสำนักงานการศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช ตรวจสอบและรายงานไปว่า นายการุณไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิตแต่ประการใด ทำให้นายการุณขาดคุณสมบัติในการสมัครเข้าเรียนมสธ. และสภามสธ.ได้มีมติถอนปริญญาบัตรในเวลาต่อมา
ทั้งนี้การตรวจสอบดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบมหาวิทยาลัยที่ต้องตรวจสอบวุฒิการศึกษาของนักศึกษาทุกคน ในกรณีของนายการุณได้ตรวจสอบมาตั้งแต่ปี 2544 โดยมสธ.เองได้เรียกตัวนายการุณเข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ แต่นายการุณไม่ได้เข้ามาชี้แจง จนกระทั่งสำนักการศึกษาธิการนครศรีธรรมราชตอบกลับมาเมื่อเดือนพ.ค. 2546
“เก่ง” การุณ โหสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตดอนเมือง ผู้ก่อเหตุกระโดดถีบ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์กลางสภาอันทรงเกียรติ เกิดวันที่ 4 ธันวาคม 2510 (ปัจจุบันอายุ 40 ปี)
บิดาคือ นายสมพรรษา โหสกุล (เสียชีวิตแล้ว) มารดานางสุบรรณ ถนัดทาง มีพี่ชาย 1 คนคือ นายสุริยา โหสกุล ซึ่งปัจจุบันเป็น ส.ก.เขตดอนเมือง มีพี่สาว 1 คน หย่าขาดกับอดีตภรรยา นางรัชดาวรรณ เกตุสะอาด (โหสกุล) อดีต ส.ก.เขตดอนเมืองแล้ว โดยมีบุตรด้วยกัน 2 คน
ประวัติทางการเมือง ไต่เต้าขึ้นมาจาก ส.ข., ส.ก.ของพรรคชาติไทย ด้วยความที่เป็นคนที่หน้าตาและบุคลิกเหมือนพระเอกลิเก มืออ่อนปากหวาน ทำให้ได้เปรียบในการหาเสียง ทั้งยังมีฐานธุรกิจที่หลากหลายทำให้ได้รับความนิยม ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะย้ายไปสังกัดกับพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วไปในปี พ.ศ.2548 ก่อนที่จะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเนื่องจากถูกศาลตัดสินว่าใช้วุฒิการศึกษาปลอม ด้านเว็บไซต์ของสภาฯ ระบุว่า มีประสบการณ์ทางการเมืองสำคัญ โดยเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ในการเลือกตั้งปี 2550 ลงสมัครในนามพรรคพลังประชาชน ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเป็นอันดับที่ 3 ในการเลือกตั้งเขตที่ 5 กรุงเทพฯ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีประวัติอาชญากรรม การใช้ความรุนแรง คดีความต่างๆ มากมาย อ่านเพิ่มเติม เตือนความทรงจำ คดีความ “ส.ส.สุดถ่อย!” จากทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์
สำหรับกรณีวุฒิการศึกษาของนายการุณ เมื่อทางทีมข่าวผู้จัดการออนไลน์ได้เข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์ของสภาผู้แทนราษฎร ก็พบว่าในหน้า ประวัติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ของนายการุณ นายการุณได้แจ้งวุฒิการศึกษากว่าจบการศึกษาระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) โรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิต
อย่างไรก็ตามในปี 2548 กลับมีข่าวระบุอย่างชัดเจนว่า ทางกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า สำนักทะเบียนและวัดผล มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงเพื่อตรวจสอบวุฒิการศึกษาของนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยในรายชื่อที่สอบถามมาทั้งหมด มีชื่อนายการุณ โหสกุล ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยรักไทย เขตดอนเมือง อยู่ด้วย โดยผลการตรวจสอบพบว่านายการุณ ไม่ได้เป็นผู้สำเร็จการศึกษาของโรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิต และทางสภามหาวิทยาลัย มสธ. ได้มีมติถอนปริญญาบัตรของนายการุณในเวลาต่อมา
รายงานข่าวแจ้งว่า นายการุณได้สมัครเข้าเรียน มสธ. 2 ครั้ง โดยครั้งแรกใช้วุฒิการศึกษาจากโรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิต จ.นครศรีธรรมราช และครั้งที่สองใช้วุฒิการศึกษาของโรงเรียนธนกิจพาณิชยการ ซึ่งทาง มสธ. ได้ตรวจสอบวุฒิการศึกษาตามระเบียบปฏิบัติของมหาวิทยาลัย โดยทำหนังสือถามไปยังสำนักงานการศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ดูแลรับผิดชอบโรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิตและสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ที่ดูแลรับผิดชอบโรงเรียนธนกิจพาณิชยการ โดย จากการตรวจสอบของ สช.พบว่า โรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิตปิดโรงเรียนไปแล้วตั้งแต่ปี 2538 ส่วนสำนักงานการศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช ตรวจสอบและรายงานไปว่า นายการุณไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเทคนิคธุรกิจบัณฑิตแต่ประการใด ทำให้นายการุณขาดคุณสมบัติในการสมัครเข้าเรียนมสธ. และสภามสธ.ได้มีมติถอนปริญญาบัตรในเวลาต่อมา
ทั้งนี้การตรวจสอบดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบมหาวิทยาลัยที่ต้องตรวจสอบวุฒิการศึกษาของนักศึกษาทุกคน ในกรณีของนายการุณได้ตรวจสอบมาตั้งแต่ปี 2544 โดยมสธ.เองได้เรียกตัวนายการุณเข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ แต่นายการุณไม่ได้เข้ามาชี้แจง จนกระทั่งสำนักการศึกษาธิการนครศรีธรรมราชตอบกลับมาเมื่อเดือนพ.ค. 2546
