“นาม” ชี้คดีเชือด “แม้ว” ไม่สูญเปล่า เตือน ครม.หมักอาจเป็นโมฆะ

“ปธ.คตส.” เชื่อความพยายามแก้ไข รธน.เพื่อตัดตอนคดีเข้าสู่ศาล มั่นใจผลงานไม่สูญเปล่า แขวะ ครม.หมักอาจตกเป็นโมฆะไปด้วย ด้านโฆษกไม่หวั่นแม้ถูกเครือชินคอร์ปฟ้องกลับเหตุประเมินภาษี

วันนี้ (2 เม.ย.) นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่ นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร ออกมาแสดงความห่วงใยต่อการทำงานของกรมสรรพากรในการประเมินภาษีตามผลการสอบสวนของ คตส.ทั้งในส่วนการซื้อขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ชินคอร์ป และคดีภาษีของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) ที่เจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงกรณีที่จะถูกฟ้องกลับ ว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นสิ่งที่กรมสรรพากรจะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะในข้อเท็จจริงของการถูกฟ้องร้องกลับ ไม่ว่าจะเป็นกรมสรรพากร หรือ คตส.ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกฟ้องร้องได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเรามั่นใจว่าการทำหน้าที่ในเรื่องนี้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใครก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปวิตกกังวลอะไร

“เรื่องนี้มีจุดสำคัญอยู่ตรงที่ถ้าเราทำถูกก็ไม่ต้องไปกังวลเรื่องการถูกฟ้องร้อง แต่ถ้าเราทำผิดก็คงต้องกังวล” นายสัก กล่าว

ด้าน นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีที่ถูก คตส.กล่าวหาว่า ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง กล่าวว่า ขณะนี้ทีมทนายความได้ทำเอกสารชี้แจงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูก คตส.ชี้มูลความผิดในคดีการปล่อยเงินกู้ให้กับทางการพม่าของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ เอ็กซิมแบงก์ ซึ่งมีความยาวจำนวน 3-4 หน้า เรียบร้อยแล้ว และได้จัดส่งให้ทีมโฆษกของ พ.ต.ท.ทักษิณ รับทราบเพื่อนำไปใช้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแล้ว

ส่วนข้อสงสัยเกี่ยวกับเอกสารบางส่วนของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่มีระบุคำนำหน้าว่าคุณหญิง ก่อนได้รับตำแหน่งคุณหญิง และมีการตั้งประเด็นว่าอาจเป็นการทำเอกสารย้อนหลัง นั้น นายฉัตรทิพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทีมทนายความกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่ได้มีการแจ้งผลกลับมา แต่คาดว่า คงต้องใช้เวลาสักระยะ เนื่องจากเอกสารประกอบในเรื่องนี้มีจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นได้หรือไม่ ที่เอกสารดังกล่าวจะมีปัญหาเกิดขึ้นจริง นายฉัตรทิพย์ กล่าวว่า “เรื่องนี้ คงจะบอกว่าเอกสารมี หรือไม่มีปัญหาไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร แต่เรื่องที่ยืนยันได้แน่นอนก็คือ มีการซื้อขายหุ้นเกิดขึ้นจริงแน่นอน”

นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ซึ่งเกี่ยวกับการการทำงานของ คตส.ว่า คงไม่มีอะไร คตส.ยังทำงานต่อไปตามปกติ ส่วนจะมีผลให้คตส.ถูกฟ้องร้องกลับหรือไม่นั้นขณะนี้ คตส.ก็ถูกฟ้องร้องอยู่แล้ว เพราะหากเขาจะฟ้องก็ไม่มีใครห้ามได้ ไม่แก้กฏหมายก็ฟ้องได้ แต่จะมีผลหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการแก้ไขกฏหมายมีการระบุผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2550 ซึ่งอาจะทำให้การทำงานของ คตส.ในช่วงนี้เป็นโมฆะได้ นายนามกล่าวว่าเรื่องนี้อาจจะยากเพราะ คตส.ตั้งมาโดยกฏหมาย และการทำงานของ คตส.คงไม่สูญเปล่าเพราะขณะนี้สิ่งที่ คตส.จะทำก็คือนำทุกคดีไปส่งให้ถึงในชั้นศาล

“ตอนนี้อาจจะมีแนวทางว่าให้การทำงานของเราเป็นโมฆะ กฎหมายที่ตั้งเป็นโมฆะซึ่งในอดีตก็เคยมีทำกัน แต่การทำงานของ คตส.ในกฎหมายก็มีการเขียนกันเอาไว้หลายอย่าง แต่ถ้าจะเป็นโมฆะจริงรัฐธรรมนูญใช้ไม่ได้ ถามว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตั้งมาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นโมฆะด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ขอให้รอดูเขาก่อนดีกว่าว่าจะแก้อย่างไร เพราะขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจน พูดล่วงหน้าไม่ได้” นายนาม กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองนัยยะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 อย่างไร นายนาม กล่าวว่า “อาจเป็นความพยายามที่จะทำให้คดีไม่ไปถึงศาล แต่การแก้ไขกฎหมายไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ แต่ที่บอกว่าจะแก้ไขภาย 3 เดือนนั้น ในส่วนของ คตส.ก็มีการตั้งเป้าหมายเช่นกันว่าภายใน 3 เดือนนี้ เราจะส่งคดีให้ถึงมือศาลเช่นกัน”

นายนาม กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อาจจะมีประมาณ 3-4 คดีที่เสร็จไม่ทัน แต่คงไม่มีปัญหาเพราะเราสามารถส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไปทำต่อได้โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่

นายนาม กล่าวต่อไปว่า สำหรับการไต่สวนคดีการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงขณะนี้คณะอนุกรรมการอยู่ระหว่างรอให้ผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมในดคีนี้ มาใช้สิทธิ์คัดค้านรายชื่ออนุกรรมการ เพราะตอนนี้มีเพียง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายราเชนทร์ พจนสุนทร อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เท่านั้นที่มาใช้สิทธ์แล้ว

“ผู้ถูกกล่าวหาที่เหลือไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงณฐนนท ทวีสน อดีตปลัด กทม.และนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงบริษัท สไตเออร์ ยังมีระยะเวลาใช้สิทธิ์จนถึงวันที่ 8 เมษายนนี้ ถ้าไม่มาก็ถือว่าสละสิทธิ์การคัดค้านรายชื่ออนุกรรมการ จากนั้นจะถึงขั้นตอนในการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาและจะต้องชี้แจงภายใน 7 วัน” นายนาม กล่าว