“เพ็ญ” เถียงคอเป็นเอ็นยันแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ทำเพื่อ “แม้ว” กับพวก แต่ต้องทำเพื่อครอบคลุมประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ กรี๊ดใส่พวกรู้ทัน เย้ยแค่พวกว่างงานอยากเคลื่อนไหว
วันนี้ (27 มี.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ความรู้สึกในพรรคเห็นชอบกับสิ่งที่มหาชนกำลังมองอยู่ว่า ถ้าจะแก้เฉพาะเรื่องของการยุบพรรคหรือแก้เฉพาะเรื่อง ส.ส.เป็นมุมที่แคบเกินไป เพราะฉะนั้นพรรคพลังประชาชนจึงเห็นว่าควรแก้ในกรอบที่กว้างกว่านั้น ในกรอบที่กระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของคน จึงมีทั้ง 2 เรื่องคู่กันไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าแนวร่วมของรัฐบาลในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมีมากน้อยแค่ไหน นายจักรภพกล่าวว่า “ผมเชื่อว่าถ้าเราถามความเห็นประชาชนส่วนใหญ่ เสียงส่วนใหญ่จะอยากให้แก้ เนื่องจากว่าขณะที่มีการทำประชามตินั้น ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็มีคนที่อุตส่าห์ฝ่าด่านต่างๆ เหล่านี้ แสดงความไม่เห็นด้วยถึง 10 ล้านคน พวกเราคงไม่ลืมตัวเลขตรงนี้
"ฉะนั้นเงื่อนไขบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตย คนส่วนใหญ่กล้าแสดงออกมากขึ้น กล้าจะบอกว่าตัวเองต้องการอะไรมากขึ้นจากการเมือง จะก้าวมาแล้วบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีเนื้อความหลายประการที่อาจมองได้ว่าทำให้การบริหารงานของรัฐบาลประชาธิปไตยลุ่มๆ ดอนๆ ทำเรื่องนี้ก็โดนกล่าวหาเรื่องนั้น ทำเรื่องนั้นก็โดนกล่าวหาเรื่องนี้ ไม่ฉุดขาซ้ายก็ฉุดขาขวา อย่างนี้ทำให้การบริหารงานเพื่อจะตอบโจทย์ประชาชนทำได้ยาก อย่าลืมว่าเราผ่านเผด็จการมาสู่ยุคนี้ รัฐบาลต้องมีประสิทธิภาพมาก แต่หากรัฐธรรมนูญไม่เอื้อต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แล้วทำงานตามนั้นไม่ได้รัฐบาลก็มีหน้าที่ไปแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เรื่องนี้เชื่อว่าเราจะหาเสียงสนับสนุนได้ไม่ยาก”
เมื่อถามว่าจะเปิดรับฟังความคิดเห็นหรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า เรามีวิธีรับฟังประชาชนหลายวิธี ประชาชนแสดงความเห็นอยู่แล้ว โดยผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เว็บไซต์ หรือองค์กรที่ไม่ใช่รัฐ (เอ็นจีโอ) ส่วนขั้นตอนว่าจะขอความเห็นประชาชนอย่างไร ตนเชื่อว่าผู้รับผิดชอบทั้งของพรรคและรัฐบาลท่านอื่นเหมาะสมที่จะพูดเรื่องนี้มากกว่า
ต่อข้อถามว่ารัฐบาลจะอธิบายอย่างไรว่าไม่ทำเพื่อตัวเอง นายจักรภพกล่าวว่า เรื่องนี้ง่ายมาก ถ้าเราขยายวงการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ครอบคลุมสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ถูกละเมิดไป ตนคิดว่าไม่ต้องโน้มน้าวเลย ประชาชนจะเข้าใจได้ชัดเจน และแม้กระทั่งเรื่องพรรคการเมืองเอง อย่าลืมว่าการยุบพรรคแปลว่าอะไร พรรคการเมืองไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของกลุ่มบุคคล แต่มีสมาชิกจำนวนหลายล้าน เป็นเจ้าของร่วมของพรรคด้วย ฉะนั้นการยุบพรรคการเมืองจึงไม่ใช่เรื่องของคณะกรรมการบริหารจำนวนเป็นร้อย แต่หมายถึงประชาชนจำนวนเป็นล้าน คนที่อยากยุบพรรคต้องคิดให้ดีด้วย
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อล้างมลทินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชรเพื่อประชาธิปไตยมีน้ำหนักมากขึ้น นายจักรภพกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่การล้างมลทินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ คำถามนี้เป็นคำถามชี้นำในทางที่ไม่ถูกต้อง ประเด็นคือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เพื่อจะนำประเทศไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นใครทางการเมือง ย่อมได้รับผลดีทางการเมืองในรูปแบบที่เหมือนกับประชาชนทั่วไป ไม่มีความต่างพิเศษแต่อย่างใด ฉะนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมองไปที่ระบอบการปกครองประเทศอย่างชัดเจนที่สุด และหลังจากนั้นใครที่จะได้รับสิทธิทางการเมืองหรือสิทธิด้านอื่นอย่างไร ก็ต้องดูไม่ให้กลุ่มคนใดได้รับผลดีพิเศษไปกว่าประชาชนทั่วไป
เมื่อถามว่าความคิดที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว จะมีทางมาบรรจบกันได้หรือไม่ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายจักรภพกล่าวว่า มีทางคืออย่าเล่มเกมมวลชน ควรปล่อยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปไปตามครรลองที่ควรเป็น ตนเองในฐานะที่ดูสื่อของรัฐก็จะขอร้องให้องค์กรสื่อที่รัฐกำกับดูแล ให้ความรู้และข้อมูลกับประชาชนอย่างเต็มที่ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ว่าต้องการให้ประชาชนมีข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนปักใจว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับอะไร
เมื่อถามว่าประชาชนที่อยู่ตรงกลาง ห่วงว่าจะเป็นไฟไหม้ฟาง นายจักรภพกล่าวว่า ไม่จริง เพราะเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เคยเป็นไฟไหม้ฟางเลย คำว่าไฟไหม้ฟางหมายความว่ามาพูดกันตอนนี้แล้วไม่ทำ เรื่องนี้ขอยืนยันได้ว่าจะต้องทำแน่อน แต่จะทำมากน้อย ทำเมื่อไรอย่างไร เป็นประเด็นที่เรากำลังอภิปรายอยู่
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่ากลุ่มที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะขยายวงออกไป นายจักรภพกล่าวว่า ขณะนี้ใครว่างงานมากๆ ก็ควรจะรวมกลุ่มกันเพื่อจะหาจุดยืนของตนเองว่าจะไปทำอะไรต่อไปในชีวิต เรื่องนี้ไม่มีปัญหาเป็นสิทธิธรรมดาของประชาชน เพราะว่า สสร. หรือ สนช. ชุมนุมกัน ประชาชนที่ชอบเรื่องอื่นก็ชุมนุมกันเพื่อจะหามติของตนเองในเรื่องนี้ซึ่งเป็นภาวะปกติธรรมดามากของระบอบประชาธิปไตย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ไม่ได้มีสิทธิน้อยกว่าคนอื่นในระบอบประชาธิปไตย แต่ขอให้แน่ใจว่า น.ต.ประสงค์ไม่ได้มีสิทธิมากกว่าคนอื่นเท่านั้น
“ความจริงการเคลื่อนไหวกลุ่มมหาประชาชนฯ และกลุ่มต่าง ๆ ในช่วงนี้ก็ช่วยเหลือรัฐบาลทั้งนั้น คือช่วยเหลือให้มองเห็นว่าสภาพการทางการเมืองเป็นอย่างไร ทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดวกขึ้น ตรงไหนเป็นอุปสรรค ตรงไหนเป็นปัญหา ตรงไหนเป็นภาพเหมือนเหตุการณ์ 19 กันยา ซึ่งพี่น้องประชาชนมองอยู่ และประชาชนเขาก็ไม่อยากเห็นรัฐบาลนั่งประมาทอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นยิ่งเคลื่อนไหวยิ่งช่วยรัฐบาล”นายจักรภพ กล่าว
เมื่อถามว่าเหตุที่เร่งรีบแก้ เพราะการยุบพรรคใช่หรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เพราะความบางอย่างในรัฐธรรมนูญบางมาตรา เริ่มจะเป็นอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดิน เริ่มทำให้รัฐบาลทำงานได้ยาก เราจึงเร่งแก้ไขตอนนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องพรรคหรือตัวบุคคลเป็นหลัก
/0110