xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” ชี้ “พลังแม้ว” ดิ้นแก้กติกาทำกองเชียร์ฝ่อ - จวก “เพ็ญ” อ้างเหตุผลไม่เหมาะปลด “วสันต์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้ “พลังแม้ว” ทำกองเชียร์ผิดหวัง ดิ้นแก้ รธน.เท่ากับยอมรับว่าทำผิดจริง จวก “บรรหาร-สุวิทย์” ลืมเงื่อนไข 5 ข้อ ร่วมแก้กติกาเอื้อประโยชน์ตัวเองเฉย แนะ “ดร.เหลิม” ตรวจสอบที่ดินบุรีรัมย์ควบคู่ที่ดินสุราษฎร์ฯ กันครหา 2 มาตรฐาน พร้อมแฉ “จักรภพ” รุกหนักด้านสื่อ จัดพื้นที่ให้กลุ่มก๊วน ยกเหตุผลไม่เหมาะสมหาเรื่องปลด “วสันต์”

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 2


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 25 มีนาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี วิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญ 2550 ว่า ทุกพรรครู้ล่วงหน้าว่ากติกาตึง แต่ทำไมไม่มีพรรคหรือคนใดออกมาคัดค้านกติกาดังกล่าวอย่างจริงๆ จังๆ เมื่อรัฐธรรมนูญถูกร่างขึ้นมาใหม่ๆ

รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ประกาศเอาไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งแล้วว่า มีเนื้อหาอย่างไร ทุกพรรคการเมืองก็รู้กติกาเท่ากัน กฎหมายจะตึงหรือหย่อน ก็เป็นกติกาที่ตั้งไว้ล่วงหน้าที่ไม่มีใครออกมาคัดค้าน หากนายสมัคร เชื่อมั่นเป็นเพียงการถูกกล่าวหาอย่างที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พรรคไม่ได้กระทำผิด แล้วนายสมัคร จะไปเดือดร้อนทำไม เพราะนี่เป็นเพียงแค่ข้อกล่าวหา ยังต้องมีการพิสูจน์กระบวนการในชั้นศาลอีกหลายขั้นตอน การออกมาบอกว่า ไม่ผิดแล้วถูกลั่นแกล้งนั้น ดูจะเป็นตรรกะที่ใช้ไม่ได้ เป็นการพูดเพื่อโดยนความผิดไปที่กฎหมาย ทั้งๆ ที่กฎหมายไม่ได้รังแกหรือทำให้ใครได้รับผลกระทบ

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นไปตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประเมินไว้ล่วงหน้า ทั้งกระบวนการเร่งรัดโยกย้ายข้าราชการ ความพยามยามเปิดบ่อนเสรี ตลอดจนถึงข้อห่วงใยในเรื่องของการตัดตอนการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พิสูจน์ได้ว่ากำลังเกิดขึ้นจริง เป็นการทำนายและอธิบายถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง และก็เกิดขึ้นจริงในวันนี้

กลุ่มพันธมิตรฯ ได้คาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุในทำนองนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ได้พูดเพ้อเจ้อหรือเลื่อนลอย ตอกย้ำเสียงคัดค้านของพรรคพลังประชาชนที่ออกมาปฏิเสธได้อย่างดี ผนวกกับกระบวนการครั้งนี้มันมีเดิมพันสูง มีความพยามดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา มุ่งหวังไม่ให้กระบวนการตรวจสอบทุกอย่างเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล นอกจากนี้ยังใช้อำนาจรัฐแทรกแซงองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอัยการสูงสุด , คตส.และ กกต.จึงมีความคิดหลบมาตรา 237 ก็เพราะต้องการให้หลุดพ้นจากคดียุบพรรค

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า กระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นความพ่ายแพ้ของพรรคพลังประชาชน ไม่มีความกล้าหาญ เหมือนไม่พร้อมในการพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาล หลายครั้งการต่อสู้ระหว่างคนต่อต้านกับคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสู้ด้วยความเชื่อและศรัทธา กลุ่มคนที่รักก็ต่อสู้ด้วยความเชื่อมาเสมอว่า พ.ต.ท.ทักษิณ บริสุทธิ์ แต่เมื่อมีความพยายามแก้ไขกติกา ทำให้คนที่เชียร์เริ่มไม่มั่นใจ เหมือนกับจะแพ้แล้วมีการตัดตอน พยามแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการกลัวและรู้อยู่แก่ใจว่าผิดจริงอย่างแน่นอน

** จวก “บรรหาร-สุวิทย์” ทิ้งเงื่อนไข 5 ข้อ

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงผลการคัดเลือกตุลาการรัฐธรรมนูญ จากสายนิตศาสตร์ และสายรัฐศาสตร์ จำนวน 4 คน ว่า หลังจากผลออกมาว่า นายจรัญ ภักดีธนากุล และนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ได้รับเลือกด้วย ซึ่งเมื่อดูจากรายชื่อแล้ว ถือว่าได้คนที่สุจริตและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ จึงไม่แปลกที่เกิดกระแสให้แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญก่อน เพราะพวกเขาไม่มั่นใจหากคดีขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญ

ผู้ดำเนินรายการยังได้กล่าวตำหนิพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินที่เคยตั้งเงื่อนไข 5 ข้อในการเข้าร่วมรัฐบาล ทั้งนายบรรหาร ศิลปอาชา และนายสุวิทย์ คุณกิตติ เคยประกาศษว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลหากไม่ทำตาม 5 เงื่อนไข เช่น ไม่จาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ไม่ล้างเค้นทางการเมือง ไม่แทรกแซ.กระบวนการยุติธรรม ซึ่งปรากฏว่ารัฐบาลนี้ทำตรงข้ามทุกข้อ แม้แต่วันนี้พรรคพลังประชาชนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ยังจะร่วมด้วย จึงไม่ทราบว่านายบรรหารที่อายุป่านนี้แล้ว ทำไมไม่รู้สึกอะไรบ้าง

“อยากให้คุณบรรหารลองมองย้อนกลับไปว่า ถ้าคุณบรรหารประกาศตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน จะได้ ส.ส.สักกี่คน” ผู้ดำเนินรายการกล่าว

**แนะ “เหลิม” สอบที่ดินบุรีรัมย์-กันครหา 2 มาตรฐาน

ต่อมาผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อเฉลิม อยู่บำรุง สั่งตรวจสอบที่ดินของบริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม ที่ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี โดยอ้างว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินสาธารณะว่า เรื่องนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ถูกตอบโต้จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นการจงใจทำลายชื่อเสียง เพราะที่ดินดังกล่าว บ.ศรีสุบรรณฟาร์มซื้อมาจากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี ซึ่งมีเอกสารถูกต้อง และถ้า ร.ต.อ.เฉลิม จะตรวจสอบก็ให้ตรวจสอบถึงที่สุด หากตนผิดจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่ถ้าไม่ผิด ร.ต.อ.เฉลิมต้องไม่เรียกตัวเองว่า “สิงห์1” แต่ให้เปลี่ยนเป็น แมว เพราะไม่มีศักดิ์ศรีพอ

ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมขยันขันแข็งกับเรื่องนี้มาก แต่เพื่อไม่ถูกมองว่ามี 2 มาตรฐานก็ควรจะไปตรวจสอบที่ดินเขากระโดง ที่จ.บุรีรัมย์ด้วย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุกมาหลายทศวรรษ ซื้อมา 3 แสนบาท ผ่านไป 10 ปีขายได้ 100 ล้าน ร.ต.อ.เฉลิม ในฐาน รมว.มหาดไทย จะต้องไม่ตรวจสอบเฉพาะที่ดินของฝ่ายตรงข้าม แต่ควรจะตรวจสอบด้วยว่า การครอบครองที่ดินที่ จ.บุรีรัมย์ของตระกูลชิดชอบนั้นถูกต้องหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ ร.ต.อ.เฉลิมภาพลักษณ์ดีขึ้น และไม่ถูกครหาว่าเลือกปฏิบัติ

** “เพ็ญ” รุกหนัก จัดพรรคพวกยึดพื้นที่สื่อ

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาประเมินผลงานของนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท โดยอ้างว่า ทำให้ อสมท ขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขอให้นายวสันต์ดูผลงานตัวเอง ว่า ขณะนี้นายจักรภพกำลังรุกทางสื่ออย่างชัดเจน และหาพื้นที่ให้กับคนที่สนับสนุนรัฐบาลให้มากขึ้น ขณะเดียวกันในช่อง 11 ก็ปล่อยให้มีการเข้าไปเอาผลประโยชน์โดยกลุ่มคนที่สนิทสนมกับคนของพรรคไทยรักไทย แต่ที่ฝ่ายค้านขอเวลาเพื่อออกรายการทางช่อง 11 กลับไม่ให้ อ้างว่ามีช่องทางอื่นอยู่แล้ว การหระทำในลักษณะนี้ ไม่ทราบว่า กำลังหมิ่นเหม่ต่อการแทรกแซงสื่อหรือไม่

สำหรับกรณีของนายวสันต์นั้น ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า นายวสันต์ เป็นมืออาชีพด้านสื่อมาตลอด และทำงานโดยผ่านประเมินตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดในทุกๆ เรื่อง และไม่ได้ฝักใฝ่พรรคการเมืองใด หรือสังกัดกลุ่มการเมืองใด ตั้งใจทำงานไปตามหน้าที่ แต่ก็ถูกเพ่งเล็งเป็นเป้าหมายของนายจักรภพ ในการเข้าไปจัดการกับ อสมท ซึ่งความจริงแล้ว นายจักรภพเคยบอกว่า อสมท เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ย่อมมีวิธีการที่ไม่เหมือนช่อง 11 แต่ขณะนี้นายจักรภพ กำลังเดินแผนการเมืองอย่างอุกอาจมาก

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า การขาดทุนครั้งแรกของ อสมท ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในช่วงที่ผ่านมารายได้รายไตรมาสก็ไม่เคยขาดทุน หากจะลดลงในเดือนมกราเดือนเดียวก็ไม่แปลก เนื่องจากเป็นช่วงที่มีงานพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งทุกวงการสื่อต้องระดมกำลังเพื่อให้งานนี้เป็นไปอย่างบริบูรณ์ เพราะฉะนั้นจะต้อวงดูว่าทีวีทุกช่องเป็นไปอย่างปกติหรือเปล่า ทุกช่องต้องหยุดรายการที่เกี่ยวกับธุรกิจบันเทิง เพื่อสละเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรกระทำ และคนไทยทุกคนต้องเข้าใจประเด็นนี้ นายจักรภพจึงไม่ควรจะหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง ต้องดูความเหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะถูกครหาทำทุกอย่างเพื่อการเมืองโดยไร้วุฒิภาวะ

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีข่าวการแต่งตั้งบอร์ด อสมท ใหม่ที่มีชื่อนายจรัล ดิษฐาอภิชัย และ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปก. อยู่ด้วย ซึ่งเมื่อนายจักรภพถูกถามก็แสดงอาการไม่สบอารมณ์ อ้างว่าไม่ได้เป็นคนเสนอ แต่อาจมีชื่อก็ได้ รวมทั้งเมื่อถูกถามถึงการเอาคลื่นวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ 5 คลื่นที่ยึดคืนมาไปทำวิทยุ “ประชาทรรศน์” นายจักรภพก็ไม่พอใจ และบอกว่าเป็นข่าวเลอะเทอะ ทั้งที่เป็นข่าวที่ออกมาจาก นสพ.ประชาทรรศน์ (นสพ.ของกลุ่ม นปก.) เอง และยังย้อนกลับนักข่าวว่าถามเพื่อทำลายตัวเอง

ผู้ดำเนินรายการตั้งข้อสังเกตอีกว่า เมื่อครั้งที่รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ไปออกอากาศทางช่อง 11 โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนและไม่มีค่าโฆษณานั้น มีคนกล่าวหาว่าเป็นการแบ่งเค้ก แต่ขณะนี้เวลา 12 ชั่วโมงของช่อง 11 ถูกแบ่งออกไป และนายจักรภพกำลังเข้าไปจัดการใน อสมท มีใครออกมาพูดว่าแบ่งเค้กหรือยัง



กำลังโหลดความคิดเห็น