“ชุมพล ศิลปอาชา” ถลกหนัง ส.ว.สภาทาสปี 43 แตกแยก แบ่งกลุ่ม แบ่งภาค ตั้งหัวคะแนนเป็นร้อยคนมาอยู่ในกรรมาธิการ เพื่อล่าเบี้ยประชุม พกกิ๊กไปนอก ช็อปปิ้งกระจาย วอน ส.ว.51 อย่าทำซ้ำรอย
ที่โรงแรมอมารี ออคิด รีสอร์ท แอนด์เทาเวอร์ พัทยา จ.ชลบุรี ได้มีการสัมมนาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ปี 51 เป็นวันที่ 2 เรื่อง “บทบาท อำนาจ หน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญและบทบาทในกรรมาธิการ(เชิงประสบการณ์)” โดยนายชุมพล ศิลปอาชา อดีต ส.ว.กทม.ปี 43 ได้กล่าวในตอนหนึ่งของการบรรยายว่า ส.ว.43 กับ ส.ว.51 แตกต่างกันเพียงที่มาเท่านั้น โดยส.ว.ปี43 เมื่อได้ประธานวุฒิสภาแล้ว มีการแบ่งออกเป็นกลุ่ม เป็นภาค สายข้าราชการ สายหมอ สายนิติศาสตร์ สายรามคำแหง ซึ่ง ส.ว.51 คงน้อยกว่าแต่คิดว่าจะมีคนชักใยเหมือนกัน จะมีนักการเมืองใหญ่โตมโหฬารเชิญไปทานข้าวมีการรวมกลุ่มรวมแก๊ง มีหัวคิว มีการต่อรองเหมือนกัน
นายชุมพล กล่าวว่า ตอนนั้นตนก็โดนเชิญไปทานอาหารตามที่ต่างๆ เช่นที่ สยามซิตี ปริ๊นเซส รามาการ์เด้น รอยัลริเวอร์ ฟอร์จูน ลิเบอร์ตี้ย่านสะพานควาย เหม่งจ๋าย มีการตั้งกลุ่มตั้งก๊วนรวมคนให้ได้เป็น 10 เสียง เพื่อขอสวัสดิการให้ ส.ว.ต่างจังหวัด ขอรถ ขอบ้าน ไปทัวร์เมืองนอกก็มีพ็อกเกตมันนี่ หรือการขอให้ช่วยเรื่องคดี ซึ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในปี 2543 แต่ ส.ว.51 คงเป็นอีกแบบ นอกจากนี้ การเลือกประธานคณะกรรมาธิการก็จะมีการวิ่งเกณฑ์คนเพื่อยึดคณะกรรมาธิการโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ อย่างชุดคมนาคม เกษตร เพราะมีผลประโยชน์สูงมาก ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง ส.ว.ชุดนี้ควรเลือกคนที่มีความสามารถ อย่าไปเกณฑ์คนไปถล่มฝ่ายตรงข้าม ต้องเลือกกันตามธรรมชาติ ที่ผ่านมาการเลือกประธานวุฒิของชุดนี้ถือว่าทำได้ดี แต่ถ้ารู้จักกันมากกว่านี้อาจไม่เป็นแบบนี้ก็ได้
นายชุมพล กล่าวต่อว่า ที่ต้องจับตาและระวังให้มากที่สุดคือตำแหน่งประธานวุฒิฯ เพราะเป็นคนที่มีบทบาททั้งการต่อสาย การคุมเกม โดย ส.ว.ปี 43 ถูกเรียกว่า “สภาทาส” ประธานคนก่อนต่อสายกับอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นว่าเล่น มีการปรบมือให้นายกฯ ตั้งน้องนายกฯมาเป็นที่ปรึกษา หรือไปเปิดประตูให้นายกฯ เรื่องแบบนี้ชุดนี้อย่าทำเด็ดขาด นอกจากนี้การเลือกองค์กรอิสระก็มีปัญหามาก โดยเฉพาะการเลือก กกต.ชุด 3 หนา มีการจ่ายเงินเดือนประจำ และจำได้ว่ามีการแจกเงิน 42 ซองบนโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดา อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมีความกังวลว่าอาจจะเกิดปัญหาการเลือกประธานวุฒิฯอีกครั้งหลัง ส.ว.สรรหาหมดวาระ เพราะจะเกิดสุญญากาศที่จะมีแต่ ส.ว.เลือกตั้ง อาจมีการยึดตำแหน่งประธานและรองประธานทั้งหมดได้ ดังนั้นหากเป็นไปได้ ส.ว.เลือกตั้งควรรอให้มี ส.ว.สรรหาเข้ามาให้ครบก่อนแล้วค่อยเลือกประธานวุฒิฯจะดีกว่า
“ส.ว.43 แบ่งกันเป็นก๊วน วันๆ ไม่ทำอะไร ชิงไหวชิงพริบกัน สุดท้ายต้องไปเจรจาต้าอ้วยกันนอกสภา คิดว่าไม่เกิดในสมัยนี้อีก ต้องขอร้องประธานวุฒิสภาชุดนี้ว่า อย่าทำเหมือนอดีตประธานฯคนก่อน ที่ตั้งที่ปรึกษาถึง 44 คน นอกจากนี้ การแสดงอิทธิฤทธิ์ของส.ว.ชุดที่แล้วทำให้ตนสงสารเจ้าหน้าที่มาก ที่ร้ายกว่านั้นคือการตั้งหัวคะแนนเป็นร้อยคนมาอยู่ในกรรมาธิการ เพื่อล่าเบี้ยประชุม บางคนก็ส่งกิ๊ก ส่งเด็กเสิร์ฟมาจองห้อง เป็นภาพที่น่าเกลียดมาก และขอฝากว่าชุดนี้ ส.ว.คนหนึ่งไม่ควรเป็นกรรมาธิการเกิน 3 คณะ เพราะทำงานไม่ได้แน่ สุดท้ายก็เวียนเทียนลงชื่อแต่ไม่อยู่ประชุม ทำเพื่อเบี้ยประชุมทั้งนั้น สร้างความเสียหายให้แก่รัฐมาก นอกจากนี้การไปดูงานต่างประเทศ ส.ว.บางคนมีการพากิ๊กไปด้วย ที่แย่ไปกว่านั้นแทนที่จะไปดูงานแต่ไปชอปปิ้งแทนเอาครอบครัวไปด้วย เวลาขึ้นเครื่องก็อวดศักดาจนประชาชนเอือมระอา ผมขอเสนอให้มีคณะกรรมการติดตามพฤติกรรมของส.ว.ด้วยกันเองอย่างถาวร เพราะพฤติกรรมของคนทำให้องค์กรวุฒิสภาเสียหาย และควรตั้งกรรมาธิการตรวจสอบกฎหมายก่อนที่จะส่งไปยังสภาผู้แทนฯ อย่าให้เหมือนชุดที่แล้วที่กฎหมายหลายฉบับมีปัญหา อย่างพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ และขอย้ำว่าภาพพจน์วุฒิสภาอยู่ได้ที่ตัวหัวถ้า หัวไม่กระดิก หางไม่ส่าย สำหรับท่านประสพสุข ผมไม่เชื่อตามที่มีข่าวว่าท่านเป็นเด็กของ คมช. เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ มีหัวคะแนนเป็นสตรีที่อยู่ในองค์กรอิสระ รวมทั้งมีข่าวการแจกเงินล้าน ให้รถเบนซ์และจ่ายเงินเดือน ไม่เชื่อว่าจะเป็นตามนั้น ตรงกันข้ามในสมัยผมมีแน่นอน” นายชุมพลกล่าว
