ผู้นำฝ่ายค้านเร่งรัฐบาลออก กม.ดูแลชายแดนใต้

ผู้นำฝ่ายค้านจี้รัฐบาลเร่งออกกฎหมายตั้ง สบ.ชต.กำกับดูแลปัญหาชายแดนใต้ เพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัย เพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยี ระบุ รัฐบาลส่ง “เหลิม” ลงพื้นที่ทำให้เข้าใจว่าใส่ใจปัญหามากขึ้น

วันนี้ (20 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เดินทางไปร่วมประชุมกับแม่ทัพภาค 4 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จ.สงขลา ว่า เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลหันมาใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้นหลังจากถูกสังคมกดดันพอสมควร แต่มีหลายเรื่องที่ รมว.มหาดไทย ขอความร่วมมือจากเรา และเราเสนอขอให้ทำ เช่น การออกร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งสำนักงานบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(สบ.ชต.)ที่ทำให้การแก้ปัญหานี้เป็นแบบบูรณาการ เรื่องเบี้ยเสี่ยงภัย และเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งเราอยากเห็นโครงการเหล่านี้เกิดขึ้นโดยเร็ว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า การออกร่าง พ.ร.บ.สบ.ชต.นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อตามร่างของฝ่ายค้าน แต่ถ้ารัฐบาลเสนอเป็นกฎหมายเข้ามา เราก็ยินดีที่จะรีบผ่านให้ แต่ขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการอย่างจริงจัง

ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน เรียกร้องให้นายกฯลงไปพื้นที่ภาคใต้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายกฯบอกว่าจะลงไปพื้นที่ดังกล่าวโดยจะไม่บอกล่วงหน้า แต่ตนขอให้นายกฯส่งสัญญาณให้ชัดว่ารัฐบาลเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงต้องให้ขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ รวมถึงมีทิศทางที่ชัดเจนว่านโยบายคืออะไร ตลอดจนเร่งปรับปรุงเครื่องมือ งบประมาณ และโครงการต่างๆ ให้คล้องกับนโยบายหลัก การแก้ปัญหานี้ก็จะเดินไปได้

ถามว่า ครม.เงาของพรรคประชาธิปัตย์จะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้มีการหารือกันอยู่ ซึ่งเราก็มีแนวคิดว่าจะลงไปพื้นที่ดังกล่าว แต่อยากเร่งรัดรัฐบาลให้ดำเนินการเรื่องการออกกฎหมาย

นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความเป็นห่วงที่รัฐบาลตัดสินใจไม่จัดทำงบประมาณกลางปี 2551 ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจมีปัญหา จึงไม่ควรรอการจัดทำงบประมาณปี 2552 โดยต้องนึกถึงจังหวะเวลาด้วย นอกจากนี้ เรื่องพลังงานก็ยังมีปัญหาบางเรื่อง เช่น ก๊าซแอลพีจีที่ข้อมูลจากหลายฝ่ายไม่ตรงกัน และการเสนอให้ลดราคาก๊าซหุงต้มได้ อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนโดยเฉพาะการที่ ครม.มีมติรองรับมติคณะกรรมการขนส่งออกมาที่มีแนวคิดจะไปซื้อหนี้หรือหุ้นของบริษัท รถไฟฟ้าบีทีเอส ตรงนี้จะมีความเป็นไปได้หรือเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน

/0110