“ชูศักดิ์” ย้ำถามอำนาจ คตส. หวังบิดเบือนอุ้ม 3 รมต.

“มือ กม.พลังแม้ว” ข้องใจอำนาจ คตส. ย้ำประเด็นที่มาต่างจาก ป.ป.ช. ตะแบงสงสัยฟ้องศาลได้หรือไม่ ย้ำรอฟังคำวินิจฉัย 14 พ.ค. ดันทุรังเข็น 3 รมต.ไม่ต้องหยุกพักงาน แนะ “หมอเลี้ยบ” มอบอำนาจให้คนอื่นดูกองสลากแทน ป้องกันปัญหาภายหลัง

วันนี้ (12 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงอำนาจขอบเขตหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่จะสามารถส่งฟ้องต่อศาลได้หรือไม่ว่า คตส.จะสามารถใช้อำนาจตามกฎหมายได้ทั้งหมดหรือไม่นั้นยังเป็นข้อกฎหมายที่ต้องถกเถียงกันอยู่ว่าใช้ได้มากน้อยเพียงใด ต้องยอมรับว่ากระบวนการสอบสวนของ ป.ป.ช.และคตส.นั้นแตกต่างกัน แม้ คตส.จะใช้อำนาจกฎหมายของ ป.ป.ช. แต่เนื่องจากที่มาของของ ป.ป.ช.และคตส.แตกต่างกัน ส่วนรัฐบาลจะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่นั้น ตนคิดว่าคงส่งไปไม่ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่มีหน้าที่ในการตีความกฎหมาย อีกทั้งถ้าส่งไปศาลท่านก็คงไม่รับเนื่อง หากไม่ใช้ข้อขัดแย้งกันระหว่าง 2 องค์กรตามรัฐธรรมนูญขึ้นไป จึงไม่ใช่อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จริงแล้วเรื่องที่ คตส.ใช้อำนาจกฎหมายของ ป.ป.ช.ได้มากน้อยเพียงใดนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลฎีกาที่น่าจะได้หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพิจารณาวินิจฉัย ซึ่งก็อาจจะรวมอยู่ในอำนาจการส่งฟ้องต่างๆ ด้วย

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่น่าสนใจ คือ คตส.ใช้อำนาจตามกฎหมาย ป.ป.ช.ได้มากเพียงใดหรือไม่ เช่นกรณีที่ คตส.ใช้อำนาจ ป.ป.ช.ตามมาตรา 55 เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่ศาลอาจจะนำมาพิจารณาว่าจะรับฟ้องหรือไม่รับ อีกประเด็นที่ศาลน่าจะหยิบมาเป็นประเด็นพิจารณา คือ ในชั้นอัยการยังไม่ได้สั่งฟ้อง เพียงแต่บอกให้ คตส.ไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม แต่ คตส.กลับดำเนินการส่งฟ้อง ก็ต้องวินิจฉัยเป็นอำนาจหน้าที่ของ คตส.หรือไม่

เมื่อถามเบื้องต้นรัฐบาลก็จะไม่ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก่อน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ในชั้นนี้ยังไม่ได้ตกลงถึงขั้นนั้น เท่าที่ฟังจากนายกรัฐมนตรีถึงกรณี 3 รมต. เราก็อยากจะรับฟังนักกฎหมายทั้งหลายก่อนว่ามีความเห็นอย่างไร จนกว่าจะถึงวันที่ 14 พ.ค.ก็ต้องฟังศาลก่อนว่าจะรับฟ้องหรือไม่รับฟ้อง ซึ่งถ้าศาลรับเราก็หาข้อยุติว่าควรจะหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ด้วยการส่งตีความก็ได้ ระหว่างรอก็คิดว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้ง 3 คนก็จะได้มีการหารือกันเป็นการภายใน หรือปรึกษานักกฎหมายแล้วก็รอฟังวันที่ 14 พ.ค. ถ้าศาลรับก็จะได้ตัดสินใจว่าจะหยุดหรือไม่หยุด แล้วก็สอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กฎหมายเป็นเรื่องที่มีความเห็นแตกต่างกันได้ ซึ่งความเห็นส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมีองค์กรที่เข้ามาตัดสิน

เมื่อถามว่าถ้า 3 รมต.ทำหน้าที่ต่อไปแล้วหากปรากฏภายหลังว่ามีความผิดแล้วต้องออกนั้น คำสั่งต่างๆ ที่เซ็นตอนนี้จะเป็นโมฆะหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ถ้าตีความว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่ ต้องดูว่าตีความให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เรื่องอะไร คิดว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ คือ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนั้น ในเรื่องที่ถูกกล่าวหาร้องเรียน หลักทั่วไปการกระทำใดๆ ที่ทำไปโดยสุจริต การกระทำนั้นก็ถือว่าชอบ เช่น การที่ ส.ส.ถูกถอนสมาชิกภาพ ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญก็ถอน ส.ส.จริง แต่เขียนไว้ชัดเจนว่าไม่ผลกระทบต่อการกระทำใดๆ ที่ผ่านมา อันนี้ก็เทียบเคียงกันได้

เมื่อถามว่ากรณีของ นพ.สุรพงษ์ รมว.คลัง ที่มีอำนาจโดยตรงต่อกองสลาก อาจจะเป็นการทำงานให้คุณให้โทษได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าพูดอย่างนั้นก็ถูก แต่ต้องถามว่าเรื่องที่ร้องเรียนเรื่องนั้น ในขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งอะไร เป็น รมว.ไอซีที ก็ไม่เกี่ยวกัน ตนมองว่าเรื่องเรียนในขณะนั้นไม่เกี่ยวข้องกับ นพ.สุรพงษ์ แต่ขณะนี้ถ้าป้องกันปัญหารัฐมนตรีก็ไม่สั่งการเรื่องนั้น มอบเรื่องนั้นให้คนอื่นดูแลไป ตนคิดว่าก็น่าจะทำได้

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำ พ.ร.บ.ทั้ง 20 ฉบับมาแก้ไข นายชูศักดิ์ กล่าว่า ต้องดูบริบทของกฎหมายเหล่านั้นว่าที่ร่างขึ้นมามีเจตนารมณ์อย่างไร ตนคิดว่าอยู่ดีๆ เราจะแก้กฎหมายต้องดูเหตุดูผลต่างๆ ว่าสมควรจะแก้หรือไม่ ถ้าเหตุผลดีทำให้สังคมดีขึ้นก็ไม่ควรแก้ แต่ถ้ากฎหมายบางฉบับจะมีปัญหาในทางปฏิบัติก็อาจจะแก้ไขกัน

เมื่อถามว่าถึงกรณีที่ ส.ส.พปช.ยื่นตีความกรณีนายสุเมธมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์จะต้องพ้นตำแหน่ง กกต.หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูรัฐธรรมนูญว่าทำได้หรือไม่ ตนคิดว่าคนยื่นเรื่องก็คงตรวจสอบรัฐธรรมนูญแล้วว่าทำได้ ส่วนนายสุเมธท่านก็เป็นนักกฎหมาย ตนคิดว่าท่านก็คงจะดูเรียบร้อยแล้วว่าท่านสามารถทำงานต่อไปได้ ส่วน ส.ส.จะทำอย่างไรก็ควรเช็กรัฐธรรมนูญให้ดีว่ามีอำนาจยื่นคำร้องหรือไม่