คตส.ย้ำได้ทำหน้าที่ตามกฎหมายทำหนังสือถึงนายกฯ ให้พิจารณาสถานะ 3 รัฐมนตรีถูกหวยแล้ว ส่วนจะทำอย่างไรต่อไปถือว่าพ้นภาระแล้ว เตือนหากตัดสินใจลงนามเรื่องนโยบายอาจเกิดปัญหาตามมาได้ ตอกอัยการคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใช้ระบบไต่สวนไม่เหมือนคดีอาญาทั่วไปมีหน้าที่แค่สั่งฟ้อง-ไม่ฟ้องเท่านั้น
วันนี้ (11 มี.ค.) นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่ คตส.ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งให้ทราบว่า คตส.ได้ส่งฟ้องจำเลยที่เกี่ยวข้องกับคดีหวยบนดิน ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องเป็นรัฐมนตรี 3 คนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยมีการะบุถึงอำนาจของ คตส.ว่า คตส.ไม่ได้พิจารณาประเด็นที่ว่ารัฐมนตรีต้องหลุดจากตำแหน่งโดยตรง และไม่ได้มีการลงมติ แต่ คตส.พิจารณาว่าการทำหน้าที่ของคตส. เป็นการใช้อำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และเมื่อใช้อำนาจตรงนี้มันก็เกิดผลทางกฎหมายตามมาตรา 55
โฆษก คตส.ผู้นี้กล่าวอีกว่า เมื่อเกิดผลทางกฎหมายแล้ว เมื่อเข้าข่ายกรณีที่อาจจะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา คตส.ก็ได้พิจารณาประเด็นว่า เมื่อมีผลทางกฎหมายแล้ว ถ้า คตส.ไม่พิจารณาเรื่องนี้เลยก็จะถูกกล่าวหาได้ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงพิจารณาส่งเรื่องให้นายกฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายบริหาร มีหน้าที่กำกับดูแลเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้พิจารณา หากเกิดกรณีที่ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอาจจะต้องเกิดความเสียหายตามมา นั่นก็เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกฯ ที่ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ แต่ คตส.ไม่ได้มีมติอะไร เป็นเพียงการแจ้งข้อมูลหรือข้อกฎหมายที่เกิดขึ้น และคตส.คงไม่ก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ใคร
ถามว่า หมายความว่าในที่สุดหากไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ในอนาคตอาจเกิดปัญหาขึ้นหากตัดสินใจในนโยบายอะไรลงไป นายสัก กล่าวว่า ใช่ จะมีผลเพราะ คตส.เองก็ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เมื่อปฏิบัติหน้าที่แล้ว และถือใช้อำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ก่อให้เกิดผลตามกฎหมาย ป.ป.ช. เพราะฉะนั้นก็ต้องส่งสำนวนการฟ้องไปให้
เมื่อถามว่า แต่ทางโฆษกอัยการสูงสุดบอกว่าทางอัยการไม่เคยมีคำสั่งในคดีนี้ คือไม่ใช่การไม่ฟ้อง เพียงแต่ให้ทาง คตส.ไปสอบเพิ่ม ตรงนี้อาจจะไม่ใช่อำนาจ คตส.ฟ้องหรือไม่ นายสัก กล่าวว่า เรื่องอำนาจการฟ้อง คตส.ได้พิจารณาโดยละเอียดแล้วว่า ในคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นวิธีการไต่สวนซึ่งไม่ใช่ระบบกล่าวหา เพราะฉะนั้นกฎหมายก็ได้ระบุว่าในกรณีที่ ป.ป.ช.หรือ คตส.ก็ดี ส่งสำนวนไปแล้ว อัยการสูงสุดต้องฟ้องาภยใน 30 วัน และถ้าเห็นว่าข้อมูลไม่สมบูรณ์ก็ต้องแจ้งกลับมา และตั้งคณะทำงานร่วมกันฝ่ายละ 5 คน และคณะทำงานต้องประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อยุติ หากภายใน 14 วัน ยังไม่สามารถหาข้อยุติในการฟ้องร้องคดีไม่ได้ ก็ให้ทาง ป.ป.ช.หรือ คตส.ฟ้องร้องคดีเองได้ และแต่งตั้งทนายความฟ้องคดีเองได้
“นี่คือข้อกฎหมายในระบบไต่สวนของคดีอาญาของนักการเมือง อัยการสุงสูดไม่มีอำนาจที่จะให้สอบข้อมูลเพิ่มเติม เหมือนกับการสอบพนักงานสอบสวน สอบพยานเพิ่มเติม อัยการสูงสุดจะไม่มีอำนาจสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องในคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะฉะนั้น ส่วนนี้เป็นความเห็นในระบบกฎหมายที่แตกต่างกัน จะไม่เหมือนคดีอาญาทั่วๆ ไป” นายสักระบุ
นายสัก กล่าวด้วยว่า กฎหมายได้ออกแบบไว้ว่า เมื่ออัยการสูงสุดไม่ฟ้องคตส.หรือปปช.ฟ้องเองได้ ตามวิธีขั้นตอนของกฎหมายของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคดีนี้ คตส.ก็ไม่ได้ดูเองตามลำพัง ได้ให้คณะทนายความจากสภาทนายความพิจารณากรณีนี้ด้วย ซึ่งก็มีความเห็นตรงกัน
/0110
