ครป.เชื่อการเมืองบีบถอดรายการ “เจิมศักดิ์” พ้นคลื่น 105 หลัง “จักรภพ” ประกาศจัดระเบียบสื่อ หวั่นแทรกแซงสื่อสารพัดวิธี ย้อนกลับเหมือนยุค “ระบอบแม้ว” หนุนปรับปรุงช่อง 11 แต่ห้ามใช้เป็นเครื่องมือรัฐบาล พร้อมจัดเวลาให้ผู้นำฝ่ายค้านจ้อเหมือนนายกฯเพื่อถ่วงดุล
วันนี้ (17 ก.พ.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณีที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ประกาศจะจัดระเบียบสื่อ ว่า ครป.เชื่อว่า การถอดรายการของ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จากคลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม 105 นั้น น่าจะเป็นการกดดันจากฝ่ายการเมือง แม้จะไม่มีใบสั่งที่เป็นรูปธรรมแต่การประกาศจัดระเบียบสื่อของรัฐบาลทันทีที่ นายจักรภพ รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างแจ่มแจ้ง ว่า ถ้าสื่อแขนงใดวิพากษ์วิจารณ์หรือตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาอาจโดนแบล็กลิสต์ เพราะรัฐบาลไม่มีนโยบายที่ชัดเจนโปร่งใสเป็นรูปธรรมในการจัดระเบียบสื่อ
นายสุริยะใส แสดงความเป็นห่วงว่า บรรยากาศแบบนี้กำลังย้อนยุคกลับไปสู่ยุคระบอบทักษิณที่มีการแทรกแซงและแทรกซึมสื่อสารพัดวิธี ไม่ว่าจะเป็นการสั่งถอดรายการทิ้ง สั่งคุมเนื้อหา หรือใช้งบโฆษณาของหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจ กระทั่งกลุ่มทุนธุรกิจการเมืองในเครือรัฐบาลต่อรองบรรดาสื่อเพื่อตัดงบ หรือไม่สนับสนุนหากสื่อเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา จนทำให้สังคมไทยตกอยู่ในอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว และสื่อต้องยอมเซ็นเซอร์ตัวเอง
เลขาฯ ครป.กล่าวอีกว่า สำหรับการปรับปรุงช่อง 11 นั้น โดยหลักการ ครป.เห็นด้วยแต่รัฐบาลต้องกำหนดเป้าหมายและภารกิจให้ชัดเจน ที่สำคัญ ต้องสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ปราศจากวาระซ่อนเร้น และยึดกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ดำเนินการตามอำเภอใจ เพื่อให้การปฏิรูปช่อง 11 เป็นประโยชน์กับสังคมส่วนใหญ่อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล
นอกจากนี้ ครป.เห็นว่า รัฐบาลควรจัดช่วงเวลาทางให้ผู้นำฝ่ายค้าน ได้พูดและสื่อสารกับประชาชนเช่นรายการนายกฯ พบประชาชน เพื่อสร้างวัฒนธรรมใหม่ทางการเมือง ทำให้บรรยากาศการถ่วงดุลตรวจสอบ มีความเป็นเหตุเป็นผล ประการสำคัญ จะทำให้ฝ่ายค้านต้องปรับตัวและทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น
