“น้องประชัย” สวนหมัดร่อนหนังสือถึง “เลขาฯ ครม.-หมัก” สกัด “เมียสมศักดิ์” เสวยสุขในตำแหน่งรัฐมนตรี ชี้ชัดจงใจฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถือว่าผิดกฎหมาย จี้ทบทวน “มัชฌิมาธิปไตย” นั่งร่วมรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และนายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรค ได้ขึ้นมารักษาการหัวหน้าพรรคแทนนายประมวล ซึ่งได้ทำหนังสือเลขที่ มฌ 2/002/51 ยื่นให้กับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ หนังสือเลขที่ มฌ 2/003/51 ยื่นให้นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยทั้ง 2 ฉบับลงนามโดยนายประมวล รักษาการหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพื่อให้พิจารณาทบทวนการเข้าร่วมรัฐบาล และเสนอชื่อบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของกลุ่มมัชฌิมาฯ ที่นำโดยนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รักษาการเลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย
โดยหนังสือ ระบุว่า จากคำวินิจฉัยของ กกต.ที่ให้นายประชัยพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ไปตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.2550 ทำให้ 1.คณะกรรมการบริหารพรรคมัชฌิมาธิปไตยสิ้นสุดลงทั้งคณะ ทำให้นายประมวลเป็นผู้มีอำนาจในการเรียกประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งคณะกรามการบริหารชุดใหม่ภายใน 30 วัน 2.มติในการเข้าร่วมรัฐบาลต้องเป็นการประชุมร่วมพรรค โดยมีสมาชิก คือ คณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.เข้าร่วมประชุม โดยมีองค์ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ซึ่งบุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในนามของพรรค จะต้องได้รับการคัดเลือก และผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมของพรรคเท่านั้น
โดยข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่า นางอนงค์วรรณได้เชิญ ส.ส.พรรคมัชฌิมาธิปไตย เข้าร่วมรับประทานอาหารที่บ้านพักของนางอนงค์วรรณ ในวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมิได้นัดประชุมร่วมกรรมการบริหาร และ ส.ส.เพื่อลงมติ ตลอดจนเสนอชื่อบุคคลใดให้เข้าเป็นรัฐมนตรีเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล อีกทั้งยังกลับนำเหตุการณ์ดังกล่าว ไปกล่าวอ้างว่าได้มีการประชุมร่วมตามข้อบังคับพรรค
นอกจากนี้ยังได้พยายามใช้อำนาจในฐานะเลขาฯ พรรค เรียกประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคมัชฌิมาธิปไตยชุดใหม่ที่ จ.สุโขทัย ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ ดังนั้นการกระทำของนางอนงค์วรรณ เป็นการจงใจฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคมัชฌิมาธิปไตย จึงทำให้การส่งรายชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีร่วมกับรัฐบาลจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และข้อบังคับพรรค จึงขอให้พิจารณาทบทวนการเสนอของนางอนงค์วรรณ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารประเทศในนามพรรคมัชฌิมาธิปไตย เป็นบุคคลที่ได้รับการพิจารณาถึงความเหมาะสม