“ชิงชัย-ประยูร”ชี้ชัด กกต.เสี่ยงคุก-แนะ ตร.ฟ้องร้องถึงที่สุด

“ชิงชัย” ทำนาย กกต.เสี่ยงติดคุกสูง แจงเหตุเพราะ กม.สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น-คู่กรณีเพียบ ชี้ “หมัก” เหมาะนั่งนายกฯ หรือไม่ อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงความคิด ด้าน “ดร.ประยูร” แนะ “สันติบาล” คู่กัด “ยุทธ” ฟ้องร้อง กกต.ให้ถึงที่สุด

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี คืนวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยเปิดประเด็นซักถามนายชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ และ ดร.ดร.ประยูร อัครบวร อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถึงกรณีที่ กกต.ปล่อยให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่เข้าข่ายโดนใบเหลือง-แดง เข้าไปในสภาฯ จนอาจจะเป็นชนวนเหตุทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองในอนาคต

โดยนายชิงชัย กล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือ เราต้องทำความเข้าใจกับ กกต.เป็นอันดับแรก โดยเฉพาะ กกต.ชุดที่แล้วปฏิบัติหน้าที่จนถูกศาลสั่งจำคุก ทั้งๆ ที่ในอดีตไม่มี กกต.ก็สามารถเลือกตั้งกันได้ เพราะเขาใช้กลไกของรัฐเข้าไปจัดการการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งนั้น ทางผู้สมัคร ส.ส.จะไปดำเนินการกันเอง แล้วให้ศาลวินิจฉัย ซึ่งในอดีตก็เคยมีผู้สมัคร ส.ส.ติดคุก เพราะใช้หลักฐานปลอม โดยมีอีก 2 ราย ถูกจำคุกเพราะซื้อสิทธิขายเสียง

ติง กกต.ไร้ปัญญาแก้ปัญหา-เสี่ยงคุก

“ปัจจุบันเรามีการตั้งองค์กรอิสระขึ้นมามากมาย ถามว่าองค์กรเหล่านั้นอิสระ และไม่ได้ขึ้นกับใครเลยจริงหรือไม่ ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่โสมม ซึ่งมีการกระทำผิดเป็นข้อเท็จจริงที่ชัดเจน แต่ กกต.ที่ถูกตั้งขึ้นมากลับแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นผมคิดว่า กกต.ชุดนี้เสี่ยงมาก เพราะกฎหมายสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น จนทำให้ กกต.ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ รวมทั้งรัฐบาล และ คมช.ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง เพราะทำเพียงครึ่งๆ กลางๆ”

นายชิงชัย กล่าวอีกว่า ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็อยู่ไม่ได้ ถ้าคิดแต่จะเอาชนะการเลือกตั้ง และที่ชัดเจนก็คือทุกพรรคการเมืองทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะสัญญาว่าจะให้โดยระบุว่าเป็นนโยบาย แล้ว กกต.จะตัดสินกรณีดังกล่าวอย่างไร ดังนั้น กกต.ชุดนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกฟ้อง เพราะคู่กรณีเยอะ

สอน “หมัก” นั่งนายกฯ ต้องเปลี่ยนความคิด

ส่วนกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช มีความเหมาะสมหรือไม่ที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายชิงชัย กล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องสูงสุด เพราะใช้ปกครองมนุษย์ ฉะนั้นผู้นำจะต้องเป็นสัญลักษณ์ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน โดยนายสมัคร เป็นนายกฯ ได้ แต่ถ้าถามว่าเหมาะสมหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่ที่นายสมัคร เพราะจะต้องใช้หลักรับผิดชอบต่อผู้อื่น และสังคม ซึ่งสิ่งที่น่าจับตามองในขณะนี้คือสถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนผ่าน จึงขอบอกว่าตอนนี้อย่าตกใจ เพราะไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนถ้าเหมือกรณีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งมีเสียงถึง 300 กว่าเสียง แล้วถามว่าอยู่ได้หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องเอาความถูกต้องเป็นศูนย์กลางของการรวมพล

“คนที่ไม่ยอมเปลี่ยนบางอย่างโดยเฉพาะนายสมัคร ซึ่งอาจจะเปลี่ยนยาก แต่เมื่อฐานของเขาเปลี่ยน ความคิดของเขาก็ควรที่จะเปลี่ยนตามไปด้วย แต่ถ้าไม่เปลี่ยนก็คงจะอยู่ไม่ได้ เพราะการที่ประชาชนมอบอำนาจให้นั้น ประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกคืนได้ตลอดเวลา”

แนะคู่กัด “ยุทธ ตู้เย็น” ฟ้องร้องให้ถึงที่สุด

ด้าน ดร.ประยูร กล่าวว่า วันนี้เห็นได้ชัดเจน คือ กรณีที่นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ซึ่งศาลฎีกาตัดสินว่ามีการปลอมแปลงรายชื่อ ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน แต่ กกต.กลับไม่ยอมทำอะไร อีกทั้งกรณีเอกสารลับของ คมช. ก็ยังไม่มีการตัดสินออกมาว่าเป็นของจริง หรือของปลอม นอกจากนี้กรณีของนายประแสง มงคลศิริ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต จ.อุทัยธานี พรรคพลังประชาชน ซึ่งแจกวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น กกต.ก็ทำไม่เป็น หรือแม้แต่กรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีหลักฐานว่าซื้อเสียง กกต.ก้ยังไม่ดำเนินการ ถามว่าถ้าขาดนายยงยุทธ ไปสัก 1 คน แล้วสภาฯ จะเปิดได้หรือไม่

ส่วนกรณีที่ตำรวจสันติบาลถูกปลดออกจากชุดสืบสวนนายยงยุทธ นั้น ดร.ประยูร กล่าวว่า ตามปกติแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อพบเหตุซึ่งหน้า ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทันที ที่สำคัญคือ กกต.เป็นผู้แต่งตั้งให้ตำรวจสันติบาลคนดังกล่าวลงไปสืบสวนกรณีนายยงยุทธ โดยตรง แต่ตอนหลังกลับปลดให้พ้นจากหน้า โดยแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่เข้าไปสอบสวนแทน ซึ่งถ้าตนเป็นตำรวจคนนั้น ตนจะฟ้องร้อง กกต.ให้ถึงที่สุด