“ประพันธ์” จวกยับ กกต.บางคนทำตัวหน้ารังเกียจ-ดันทุรังเปิดสภาฯ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นหน้าที่ของตัวเอง ชี้ชัดพยานหัวหดหาก “ผีในสภาฯ” ได้อำนาจหน้าที่ ชี้หากอยากรู้ว่า กกต.คนไหนไม่ตรงไปตรงมาให้ถาม “สันติบาล” คู่กัด “ยุทธ ตู้เย็น”
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี คืนวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งเปิดประเด็นซักถามนายประพันธ์ คูณมี อดีต สนช. ถึงกรณีที่ กกต.ประกาศรับรองให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และสมาชิกคนอื่นๆ ที่เข้าข่ายกระทำผิดเป็น ส.ส.เพื่อต้องการที่จะให้ทันเปิดประชุมสภาฯ
โดยนายประพันธ์ กล่าวว่า ในขณะที่เราร่างกฎหมาย กกต.ซึ่งให้อำนาจอย่างเต็มที่ในการวินิจฉัยให้ใบแดงใบเหลืองนั้น ได้มีการเชิญ กกต.เข้าไปมีส่วนร่วมในการร่างกฎหมายดังกล่าว โดยเฉพาะในขั้นชั้นกรรมาธิการ เอาจริงเอาจังมาก ซึ่งสรุปความล้มเหลวของ กกต.ในอดีต แล้วสร้างกลไกที่จะทำให้ได้นักการเมืองที่ดีมาแก้ไขวิกฤตบ้านเมือง แต่เมื่อมาถึงภาคปฏิบัติ
“คิดว่าน่าผิดหวังกับ กกต.ชุดปัจจุบันนี้ เพราะการรับรอง ส.ส.เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาฯ ได้นั้น มันไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. ซึ่งจริงๆ แล้วหน้าที่หลักก็คือ ถ้าพบพยานหลักฐานก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้ผู้กระทำผิดผ่านลอยไป ซึ่งกรณีนายยงยุทธนั้นชัดเจน โดยเฉพาะตอนนี้เขาไม่มีตำแหน่งหน้าที่ยังไม่กล้าวินิจฉัย แล้วถ้าเขามีอำนาจขึ้นมาอยากรู้ว่าจะกล้าไปสอยเขาหรือไม่ และตามรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ว่า 30 วันจะต้องเปิดสภาฯ อย่ามาตีความมั่วเพื่อดันทุรังให้เปิดสภาฯ” นายประพันธ์ กล่าว
อดีต สนช.กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ กกต.จะสอย ส.ส.ที่กระทำผิดทีหลังนั้น หมายถึงการดีเลย์ เพราะถ้าหากเขาเหล่านั้นมีตำแหน่งขึ้นมา พยานก็จะไม่กล้าไปให้การเพราะอาจจะกลัวถูกอุ้ม หรือโดนข่มขู่ ซึ่งจุดเหล่านี้จะทำให้เกิดวิกฤต เพราะขนาดคนที่ลงหลุมทางการเมืองไปแล้ว ยังกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก
“ในอดีต กกต.ใช้หน่วยข่าวกรองช่วยหาหลักฐานผู้สมัคร ส.ส.ที่กระทำการหาเสียงผิดกฎหมาย แต่ปัจจุบัน กกต.กลับให้ผู้ร้องเรียนไปหาหลักฐานเอง แล้วอย่างนี้จะมี กกต.ไว้ทำไม และการไม่ยึดหลักกฎหมาย ทำให้บ้านเมืองย่ำแย่ โดยเฉพาะตอนนี้เขาให้ตำรวจท้องที่ที่มีการร้องเรียนสอบสวน คือ ถ้าเรื่องเกิดขึ้นที่ไหน ก็ให้ตำรวจของพื้นที่นั้นๆ ไปสอบสวน แต่วันนี้ กกต.กลับทำงานไปตามเวรตามกรรม” นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ถ้าอยากรู้ว่า กกต.ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเป็นใคร ก็ให้ตำรวจสันติบาลคนที่ถูกปลดออกจากคดีนายยงยุทธมาพรีเซ็นต์แล้วจะรู้ว่าเป็น กกต.คนไหน ซึ่งจริงๆ แล้วสันติบาลเขาเอาข้อเท็จจริงมานำเสนอให้พิจารณา แต่ กกต.กลับไปต้อนเขา แทนที่จะสอบถามแต่กลับทำตัวเป็นทนายฝ่ายจำเลยเสียเอง ฉะนั้น พฤติกรรมของ กกต.บางคนจึงไม่มีความน่าเลื่อมใส และน่ารังเกียจ เพราะวางตัวไม่เหมาะสมกับการเป็น กกต.