เครือข่าย ปชช.ตรวจสอบการเลือกตั้ง ปะทะฝีปาก กกต.หลังถูกเปิดแผลใช้งบตรวจสอบเลือกตั้งไปซื้อเหล้าเบียร์ แฉกลับจ้องเล่นงานเพราะถูกฟ้องร้องคดีค้างเก่า ทิ้งท้ายมอบกระเช้าเส้นก๋วยเตี๋ยวยั่วโมโห
วันนี้ (10 ม.ค.) พล.อ.สายหยุด เกิดผล รองประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนตรวจสอบการเลือกตั้ง (พีเน็ต) เดินทางเข้าชี้แจงต่อนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กรณีถูกกล่าวหาว่าพีเน็ตใช้เงินผิดวัตถุประสงค์โดยมีการเบิกค่าใช่จ่ายเหล้า เบียร์ด้วยกว่า 1 ล้านบาท และการเบิกจ่ายเงินที่ไม่มีเอกสารเงินการเบิกจ่ายเงินอีกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งบรรยากาศในการชี้แจงเป็นไปอย่างตึงเครียด
พล.อ.สายหยุด กล่าวว่า มาชี้แจงเรื่องที่ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการด้านกิจการการมีส่วนร่วม แถลงข่าวเกี่ยวกับการใช้เงินขององค์กรเอกชน โดยระบุถึงเฉพาะพีเน็ต ทั้งที่ความจริงแล้วหากพีเน็ตใช้เงินก็จะมีการตรวจสอบและรายงานให้ กกต.ทราบตั้งแต่ปี 2543 แต่ตอนหลัง กกต.กลับพูดว่าพีเน็ตใช้เงินผิดประเภท พีเน็ตจึงขอให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่ง กกต.บอกว่าได้ตรวจสอบแล้วและพบว่ามีองค์กรจำนวน 14 องค์กร ซึ่งรวมทั้งพีเน็ตด้วย ทั้งนี้ พีเน็ตมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ ยอมรับว่าบางจังหวัดก็มีการใช้เงินอย่างไม่ถูกต้องบ้าง แต่ที่พีเน็ตก็ส่งหลักฐานให้ กกต.มาโดยตลอด
“แต่ก็ยังมีการตรวจสอบครั้งนี้ขึ้น ปัญหาจึงมีอยู่ 2 ข้อคือ 1.กกต.เจาะจงแต่พีเน็ต 2.กกต.ไม่ได้แจ้งให้พีเน็ตทราบแต่กลับออกมาพูดตอนที่สถานการณ์ยังร้อนอยู่ อาจเป็นเพราะว่าเราไปฟ้องนางสดศรี (นางสดศรี สัตยธรรม กกต.) และที่เราไปฟ้องก็เพราะว่าไม่รู้จะทำอย่างไรที่จะปกป้องตัวเราเอง ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าเรายินดีร่วมมือกับ กกต. ปัญหาเรื่องนี้เราก็สงสัยอยู่มานานว่าเงินจำนวน 90 ล้านบาทที่ กกต.มอบให้องค์กรเอกชนไปได้ใช้กันอย่างไร ซึ่งก็ยินดีหากว่าจะมีการตั้งกรรมการร่วมกนมาตรวจสอบเรื่องนี้
ในขณะที่ นายสมชัย กล่าวว่า พีเน็ตต้องการความเป็นธรรมในเรื่องนี้ และต้องขอคำชี้แจงว่าทำไม กกต.ต้องเฉพาะเจาะจงตรวจสอบเฉพาะองค์การกลางและแถลงข่าวอย่างเป็นวรรคเป็นเวร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชี้แจง เจ้าหน้าที่ กกต.ด้านการตรวจสอบงบประมาณได้นำเอกสารการเบิกจ่ายที่ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ให้ดู ซึ่งมีการเบิกค่าเหล้า เบียร์ เมื่อปี 43 ให้นายสมชัยดู ทำให้ทำให้นายสมชัยกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “พวกคุณกินเองหรือเปล่า แล้วนำมาสอดไส้ในนามพีเน็ตหรือเปล่า เหมือนจะจงใจเล่นงานองค์กรกลาง เพราะเอกสารเกิดขึ้นมา 7 ปีแล้วจะมากล่าวหาพีเน็ตอย่างนี้ไม่ได้”
ภายหลังนายสมชัยกล่าวจบ เจ้าหน้าที่ กกต.คนหนึ่งก็กล่าวอย่างมีอารมณ์เช่นกันว่า ขอให้ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ เพราะการพูดอย่างนี้เป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของเรา และเอกสารที่เป็นใบเสร็จก็เป็นเอกสารที่เกิดขึ้นจริง มีการเบิกจริง เพราะฉะนั้น ขอให้ถอนคำพูด เราไม่ได้จงใจ แต่เป็นการสุ่มตรวจ เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าพีเน็ตมีเอกสารที่นำเงินไปใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์
นายสมชัย กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์โดยนายภุชงค์สร้างความเสียหายแก่พีเน็ต เรามองว่าเรื่องนี้ต้องดูที่หลักฐานและรายละเอียดซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ดังนั้น พีเน็ตจึงเสนอว่าหากจะมีการตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น เราอยากให้ตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่ายขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรเอกชนทุกแห่ง ตั้งแต่ปี 2543 ถึงปัจจุบัน โดยหากพบว่ามีการใช้จ่ายผิดพลาดจริง พีเน็ตก็พร้อมจะรับผิดชอบ และภายหลังการตรวจสอบแล้ว คณะกรรมการจะแถลงผลการตรวจสอบให้ประชาชนทราบต่อไป
นายภุชงค์ ได้ชี้แจงว่าการตั้งกรรมการตรวจสอบครั้งนี้เจ้าหน้าที่ กกต.ได้ดำเนินการตามมติของ กกต.ทุกประการและเมื่อมีการสอบสวนเสร็จสิ้นเราก็ได้มีการแถลงข่าวเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และพีเน็ตจะมากล่าวหา กกต.ได้อย่างไร
นายสุเมธซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวได้ขอให้ทุกฝ่ายหารือกันด้วยเหตุผล ซึ่งได้มีการเสนอว่าให้ตั้งกรรมการ 3 ฝ่ายๆ ละ 3 คน คือ ตัวแทนจาก สตง.3 คน จาก กกต.3 คนและจากพีเน็ต 3 คน เพื่อมาพิจารณาตรวจสอบเรื่องการเบิกจ่ายเงินไม่ถูกต้องของพีเน็ต ซึ่งจากข้อเสนอดังกล่าวนายสมชัยยอมรับแต่เสนอว่าขอให้ กกต.ตรวจสอบทุกองค์กรที่มาของบประมาณในการตรวจสอบการเลือกตั้งจาก กกต.อย่างเท่าเทียมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พล.อ.สายหยุด เกิดผล ได้เป็นตัวแทนของพีเน็ตนำของขวัญมอบให้นายสุเมธ โดยเป็นกระเช้าเส้นก๋วยเตี๋ยวให้กับนาย สุเมธ ทำให้นายภุชงค์ไม่พอใจอย่างมาก บอกว่าการมอบของขวัญครั้งนี้เจตนาไม่ตรงกับการมอบ แต่นายสุเมธกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ผมไม่คิดอะไร”