“ประธานพีเน็ต” เตรียมบุก กกต.เพื่อดูข้อเท็จจริงใช้เงินตรวจสอบเลือกตั้งไม่ถูกต้องกว่า 8 ล้านบาท ด้าน “สมชัย” ยันส่งมอบ กกต.เรียบร้อยแล้ว ก่อนติง กกต.ก่อนออกข่าวควรรอบคอบ-ไม่ใช่เพียงมุ่งดิสเครดิต
วานนี้ (6 ธ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่าพีเน็ตใช้เงินในการตรวจสอบการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2543 และ ส.ว.2549 ไม่ถูกต้องจำนวน 7,892,555.39 ว่า ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินไปดูรายละเอียดหลักฐานการใช้จ่ายแล้ว ซึ่งในวันจันทร์ที่ 7 ม.ค.นี้ก็จะทำการตรวจสอบ
“รวมทั้งจะประสานไปยัง กกต.ว่าในวันพฤหัสบดีที่ 10 ม.ค.เวลา 09.00 น. พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานพีเน็ตจะเดินทางไปพบนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง เพราะหากเป็นปัญหาของฝ่ายพีเน็ตก็จะดำเนินการแก้ไข แต่คาดว่าน่าจะเป็นปัญหาที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของ กกต.เองในการจัดเก็บเอกสาร เพราะหลักฐานทั้งหมดเราได้ส่งให้ กกต.ไปแล้ว พร้อมทั้งได้มีการตรวจสอบบัญชี โดยพนักงานบัญชีอนุญาต และส่งให้ กกต.ตรวจสอบ มีคนเซ็นรับจากฝ่ายการเงินของ กกต.เอง” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวยืนยันว่า หลักฐานที่พีเน็ตมีนั้นก็ได้มอบให้ กกต.ทั้งหมด และเหตุการณ์ผ่านมาตั้ง 6-7 ปีแล้ว การจัดเก็บเอกสารของ กกต.นั้นจัดเก็บอย่างไร ทำหรือเปล่า ซึ่ง กกต.ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลตรงนี้ด้วย ไม่ใช่มาโทษเราฝ่ายเดียว และถ้าตรวจสอบพบว่าตัวเองผิด คราวนี้จะต้องขอโทษเราต่อสาธารณชนด้วย
“ไม่ใช่ทำเหมือนครั้งที่แล้วที่มี กกต.ท่านหนึ่งออกมาระบุว่าพีเน็ตขอเงิน 80 ล้านบาทในการเลือกตั้งเมื่อปี 2549 ก็ยังไม่เคลียร์เลย ทั้งที่มี กกต.อีกท่านหนึ่งก็ออกมายอมรับแทนว่าของมูลนั้นผิดพลาด แล้วทำไมถึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาตรวจสอบกัน ตอนนี้อีกมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ดังนั้นขออย่าให้ไปซ้ำรอยเดิมก็แล้วกัน หรือต้องการดิสเครดิตเรา ที่ไม่ต้องการให้เราเข้าไปร่วมในการทำงานกับ กกต.ด้วย จึงเพิ่มความขัดแย้งนี้เข้ามาอีก” นายสมชัย กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.ระบุว่ามีหลักฐานเรื่องทางพีเน็ตใช้เด็กอายุไม่ถึง 18 ปี เข้ามาร่วมทำงานด้วย และยังได้มีการนำเงินไปซื้อสุราด้วยนั้น นายสมชัย กล่าวว่า กกต.ต้องชี้แจงมาเป็นรายการ และแยกออกมาว่าเป็นเงินเท่าไหร่ กี่บาท กี่สตางค์ ถ้ามีหลักฐานถูกต้องก็ต้องว่ากันไปตามหลักฐาน
ส่วนการไปพบประธาน กกต.ครั้งนี้นั้น นายสมชัย กล่าวว่า อยากให้นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วมเข้ามาร่วมด้วย จะได้สอบถามรายละเอียด และอยากให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วย เพราะเรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องตรงไปตรงมา ไม่ใช่จู่ๆ ให้ลูกน้องเจ้าหน้าที่มาแถลงข่าวสร้างความเสียหายให้แก่คนอื่นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเรื่องสำคัญๆ กกต.ควรที่จะไตร่ตรอง ก่อนที่ให้เจ้าหน้าที่ออกมาแถลง
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เรื่องนี้พีเน็ตก็ต้องชี้แจง เพราะที่ตรวจสอบมาแล้วมีการใช้จ่ายไม่ถูกต้องเป็นล้าน และคดีอายุความก็ใกล้หมดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ทางพีเน็ตชดใช้
วานนี้ (6 ธ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่าพีเน็ตใช้เงินในการตรวจสอบการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2543 และ ส.ว.2549 ไม่ถูกต้องจำนวน 7,892,555.39 ว่า ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินไปดูรายละเอียดหลักฐานการใช้จ่ายแล้ว ซึ่งในวันจันทร์ที่ 7 ม.ค.นี้ก็จะทำการตรวจสอบ
“รวมทั้งจะประสานไปยัง กกต.ว่าในวันพฤหัสบดีที่ 10 ม.ค.เวลา 09.00 น. พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานพีเน็ตจะเดินทางไปพบนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง เพราะหากเป็นปัญหาของฝ่ายพีเน็ตก็จะดำเนินการแก้ไข แต่คาดว่าน่าจะเป็นปัญหาที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของ กกต.เองในการจัดเก็บเอกสาร เพราะหลักฐานทั้งหมดเราได้ส่งให้ กกต.ไปแล้ว พร้อมทั้งได้มีการตรวจสอบบัญชี โดยพนักงานบัญชีอนุญาต และส่งให้ กกต.ตรวจสอบ มีคนเซ็นรับจากฝ่ายการเงินของ กกต.เอง” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวยืนยันว่า หลักฐานที่พีเน็ตมีนั้นก็ได้มอบให้ กกต.ทั้งหมด และเหตุการณ์ผ่านมาตั้ง 6-7 ปีแล้ว การจัดเก็บเอกสารของ กกต.นั้นจัดเก็บอย่างไร ทำหรือเปล่า ซึ่ง กกต.ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลตรงนี้ด้วย ไม่ใช่มาโทษเราฝ่ายเดียว และถ้าตรวจสอบพบว่าตัวเองผิด คราวนี้จะต้องขอโทษเราต่อสาธารณชนด้วย
“ไม่ใช่ทำเหมือนครั้งที่แล้วที่มี กกต.ท่านหนึ่งออกมาระบุว่าพีเน็ตขอเงิน 80 ล้านบาทในการเลือกตั้งเมื่อปี 2549 ก็ยังไม่เคลียร์เลย ทั้งที่มี กกต.อีกท่านหนึ่งก็ออกมายอมรับแทนว่าของมูลนั้นผิดพลาด แล้วทำไมถึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาตรวจสอบกัน ตอนนี้อีกมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ดังนั้นขออย่าให้ไปซ้ำรอยเดิมก็แล้วกัน หรือต้องการดิสเครดิตเรา ที่ไม่ต้องการให้เราเข้าไปร่วมในการทำงานกับ กกต.ด้วย จึงเพิ่มความขัดแย้งนี้เข้ามาอีก” นายสมชัย กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.ระบุว่ามีหลักฐานเรื่องทางพีเน็ตใช้เด็กอายุไม่ถึง 18 ปี เข้ามาร่วมทำงานด้วย และยังได้มีการนำเงินไปซื้อสุราด้วยนั้น นายสมชัย กล่าวว่า กกต.ต้องชี้แจงมาเป็นรายการ และแยกออกมาว่าเป็นเงินเท่าไหร่ กี่บาท กี่สตางค์ ถ้ามีหลักฐานถูกต้องก็ต้องว่ากันไปตามหลักฐาน
ส่วนการไปพบประธาน กกต.ครั้งนี้นั้น นายสมชัย กล่าวว่า อยากให้นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วมเข้ามาร่วมด้วย จะได้สอบถามรายละเอียด และอยากให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วย เพราะเรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องตรงไปตรงมา ไม่ใช่จู่ๆ ให้ลูกน้องเจ้าหน้าที่มาแถลงข่าวสร้างความเสียหายให้แก่คนอื่นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเรื่องสำคัญๆ กกต.ควรที่จะไตร่ตรอง ก่อนที่ให้เจ้าหน้าที่ออกมาแถลง
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เรื่องนี้พีเน็ตก็ต้องชี้แจง เพราะที่ตรวจสอบมาแล้วมีการใช้จ่ายไม่ถูกต้องเป็นล้าน และคดีอายุความก็ใกล้หมดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ทางพีเน็ตชดใช้
