“ไพบูลย์” ย้ำเหตุเด้ง “วัลลภ” คดี “ชู้สาว-ทุจริต” มีมูล

“ไพบูลย์” เปิดใจผ่านเว็บบล็อกส่วนตัว ชี้แจงเหตุผลย้ายอดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ยืนยันข้อร้องเรียนต่างๆ มีมูลจริง ย้ำไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ระบุเสียใจที่ถูกข้าราชการในกระทรวงล่ารายชื่อโจมตี

นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ชี้แจงผ่านเว็บบล็อกส่วนตัว paiboon.gotoknow.org โดยสรุปว่าอีก 1 เดือนจะต้องอำลาตำแหน่งรัฐมนตรี ตลอดเวลามีความรู้สึกดีๆ สะสมมากมาย เพราะงานเดินหน้าไปได้ดีด้วยความร่วมแรงร่วมใจของผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานทุกคน โดยเฉพาะ นายวัลลภ พลอยทับทิม อดีตปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของข้าราชการประจำ

นายไพบูลย์ ระบุว่า อดีตปลัดกระทรวงเป็นผู้มีประสบการณ์และความสามารถสูง ตนรู้สึกชื่นชมนับถือ และให้การสนับสนุนมาตลอด เช่น แต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง มอบอำนาจในการสั่งการและดำเนินงานของกระทรวงอย่างเต็มที่ แต่ขณะรับตำแหน่ง มีคำกล่าวหา มีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนเกี่ยวกับอดีตปลัดกระทรวงอยู่เป็นระยะๆ ตั้งแต่ในช่วงแรกที่ตนเข้ารับตำแหน่ง แต่เมื่อไม่ปรากฏชื่อผู้ร้องเรียน และไม่มีเหตุหลักฐานชัดเจนพอที่จะทำให้คำร้องเรียนมีน้ำหนักจึงไม่ได้ลงมือทำอะไร เพียงแต่เก็บเรื่องไว้เฉย จนกระทั่งคำกล่าวหาร้องเรียนสะสมบานปลายปรากฏในสื่อมวลชนจำนวนมาก เมื่อเดือนตุลาคม 2550

รองนายกรัฐมนตรีระบุต่อว่า ตนและ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงต้องตัดสินใจเสนอนายกรัฐมนตรีให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยพยายามสรรหาประธานและกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่เชื่อว่าได้รับการยอมรับสูงในความเที่ยงธรรมและความสามารถซึ่งผลของการสอบข้อเท็จพบว่า ข้อร้องเรียนต่าง ๆ ต่อผู้บริหารระดับสูงนั้นมีมูลเหตุอยู่จริง ต้องมีการดำเนินการต่อไปอีก จึงมีเหตุสมควรต้องย้ายออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวง ไปดำรงตำแหน่งอีกตำแหน่งหนึ่ง

นายไพบูลย์ ยังระบุด้วยว่า รู้สึกเสียใจที่มีข่าวลงในสื่อมวลชนว่าผู้บริหารและข้าราชการจำนวนหนึ่งได้ทำหนังสือร้องเรียนนายกรัฐมนตรี กล่าวหาตนกับ นพ.พลเดช ว่าปฏิบัติไม่เหมาะสมและทำความเสียหายให้กับกระทรวงฯ และข้าราชการของกระทรวง ทั้งๆ ที่สิ่งที่ดำเนินการกรณีอดีตปลัดกระทรวงเป็นความตั้งใจดี ที่มุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อข้าราชการและกระทรวง และไม่คาดคิดว่าจะถูกต่อต้านโจมตี

“แม้ผมจะมีสติและปัญญาพอที่จะไม่หวั่นไหวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าและเสียใจ เหมือนพ่อแม่ที่รักลูกพยายามทำเพื่อลูกและเพื่อครอบครัวมาตลอด แล้วมาได้รับคำกล่าวหาจากลูกว่าพ่อแม่เป็นผู้ทำร้ายลูก ทำร้ายครอบครัว ไม่คาดคิดว่า ผมกำลังจะอำลากระทรวงไปพร้อมกับความรู้สึกเศร้าและเสียใจ แทรกอยู่ในความรู้สึกดีๆ อดไม่ได้หรอกครับที่จะรู้สึกเศร้าและเสียใจไม่มากก็น้อย” นายไพบูลย์ ระบุ