xs
xsm
sm
md
lg

กฤษฎีกานัดแจงคดี 3 ใบแดงว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ พรุ่งนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเมธ อุปนิสากร
กกต.ส่งตัวแทนแจงกฤษฎีกาเรื่องให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรค “พลังแม้ว” วันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.) “สุเมธ” ย้ำกฎหมายเปิดช่องให้ทำแทนได้ ย้ำมีหลักฐานมัดแน่นและเปิดให้ชี้แจงแล้ว

วันนี้ (6 ม.ค.) นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กกต.ได้มอบหมายให้เลขาธิการ กกต. รองเลขาธิการ กกต.และรองผู้บังคับการ จ.บุรีรัมย์ ที่ทำคดีนี้เป็นผู้เข้าชี้แจงกรณี กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 3 ว่าที่ ส.ส.เขต 1 จ.บุรีรัมย์ของพรรคพลังประชาชน ต่อคณะกรรมการตรวจสอบของกฤษฎีกาในวันจันทร์ที่ 7 ธ.ค.และก็ทราบว่า ทางพรรคพลังประชาชนจะมีการส่งหนังสือไปชี้แจงร่วมด้วย ส่วนกรณีที่เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ต้องการให้ กกต.ชี้แจงเหตุผลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 3 ว่าที่ ส.ส.ของพรรค ตนก็เห็นว่า ทางพรรคพลังประชาชนก็สามารถที่จะไปฟังการชี้แจงของเจ้าของสำนวนได้ในชั้นของกฤษฎีกา

เมื่อถามว่า มีการระบุว่า ในชั้นของ กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ และอนุกรรมการสืบสวน มีความเห็นเสนอ กกต.ว่า ควรสั่งเลือกตั้งใหม่เท่านั้น นายสุเมธ กล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่อย่างนั้น เท่าที่จำได้เรื่องนี้มีการเสนอมาจากทางจังหวัด ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งนานแล้ว และทางจังหวัดเห็นว่าทำไมกกต.ไม่พิจารณาเสียที จนประธาน กกต.จ.บุรีรัมย์ ต้องนำสำนวนเดินทางมาเสนอต่อที่ประชุมกกต.เอง ซึ่งเมื่อที่ประชุมฟังแล้วก็เห็นว่าพอมีเหตุผลที่จะแจ้งข้อกล่าวหาได้จึงได้มีคำสั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมีประธาน กกต.จว.บุรีรัมย์ เป็นประธาน ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาและรับฟังคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาแล้วนำมาเสนอต่อที่ประชุม ซึ่งก็มีการอ่านคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหา และผลการสอบสวนต่างๆ จน กกต.เห็นควรว่า จากพยานหลักฐานมีน้ำหนักควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำทุจริตสมควรถูกสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดพยานที่ให้การมัด 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ ว่าเป็นคนซื้อเสียง เป็นบุคคลที่ถูกหมายจับของศาล จ.ร้อยเอ็ด แล้วเหตุใดจึงมาอยู่ในความคุ้มครองของผู้บังคับการตำรวจบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนคดีนี้ นายสุเมธ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ เหมือนกัน

นายสุเมธ ยังเชื่อว่า การที่ กกต.มอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาและรับฟังคำชี้แจง แทน กกต.นั้น จะไม่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบของกฤษฎีกามองว่าเป็นปัญหาในแง่ข้อกฎหมาย ไม่สามารถทำได้ เพราะตามกฎหมายก็เปิดโอกาสให้ กกต.มอบอำนาจในการดำเนินการได้อยู่แล้ว ซึ่งเดิม กกต.ก็มีความตั้งใจที่จะดำเนินการเองทั้งการแจ้งข้อกล่าวหาและรับฟังคำชี้แจง แต่เมื่อทราบว่ามีเป็นร้อยๆ เรื่อง การจะให้ กกต.มานั่งรับฟังคำชี้แจงข้อกล่าวหารายละเป็นชั่วโมง คงไม่ไหว อีกทั้งการมอบให้คณะกรรมการสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการแทน ก็ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิผู้ถูกกล่าวหา เพราะทางคณะกรรมการสอบสวนก็จะมีการบันทึกคำให้การของผู้ถูกกล่าวที่ชี้แจงอย่างละเอียด ครบถ้วน ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาต้องการและมีการให้ตรวจสอบบันทึกคำให้การก่อนที่จะลงชื่อรับรอง ซึ่งทางคณะกรรมการก็มีการนำคำชี้แจงดังกล่าวมาแถลงต่อ กกต.ให้ทราบอย่างละเอียดเช่นกัน

เมื่อถามว่า หากคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาในแง่ข้อกฎหมาย แล้วเสนอว่าไม่ควรให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.กกต.จะทำอย่างไร นายสุเมธ กล่าวว่า เราก็ต้องกลับมาพิจารณากัน และคงต้องดูก่อนว่าเหตุผลกฤษฎีกานั้นเป็นอย่างไร

รายงานข่าวแจ้ง ว่า หลังจากที่ กกต.ได้ส่งสำนวน 3 ใบแดง จ.บุรีรัมย์ เขต 1 พรรคพลังประชาชน ให้กับคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตรวจตามขั้นตอนของกฎหมาย ไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ว่า กกต.ทำถูกขั้นตอนหรือไม่นั้น ทางคณะกฤษฎีกาได้ให้ กกต.เข้าชี้แจงในวันจันทร์ที่ 7 ม.ค.โดยทาง กกต.ก็ได้เตรียมให้คณะกรรมการชุดที่ กกต.ได้มอบหมายให้ไปทำสำนวนไปชี้แจงต่อคณะกฤษฎีกา ร่วมด้วยกับฝ่ายกฎหมายของ กกต.ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนใหญ่ก็จะตรวจดูความถูกต้องของขั้นตอนว่า กกต.ได้แจ้งข้อกล่าวหา และให้โอกาสให้ผู้ถูกร้องชี้แจงข้อกล่าวหารือไม่ ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติ หากว่าขั้นตอนถูกต้องก็จะลงไปดูเนื้อหาว่าเป็นอย่างไร เหมือนกับคดีของ นายซาตา อาแวกือจิ อดีต ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายตุ่น จินตะเวช อดีต ส.ส.พรรคมหาชน หรือไม่ ที่ กกต.ชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน กกต.นั้นได้ให้ใบแดงไป แต่กฤษฎีกาเห็นแย้งว่าการกระทำของนายซาตา และนายตุ่น นั้นยังไม่ถึงกับต้องให้ใบแดง ส่งผลให้ นายซาตา และนายตุ่น ได้แค่ใบเหลือง เพราะกกต.ไม่ยืนยันในคำตัดสินของตัวเองทั้งๆ ที่ขั้นตอนที่ทำมาถูกต้อง อย่างไรก็ตาม กกต.ทั้ง 2 ชุดนั้นไม่ได้มีการมอบอำนวจให้ใครดำเนินการชี้แจง หรือรับฟังข้อกล่าวหาทำเองทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องนี้ก็ต้องไปรอดูว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา จะออกมาอย่างไร จะเห็นด้วยกับ กกต.หรือไม่ ในการมีมติมอบอำนาจให้ไปดำเนินการแทน เพราะว่ากรณีนี้ในสมัยของพล.ต.อ.วาสนา นั้นก็เคยมีแนวคิดที่จะมอบอำนาจให้ กกต.จังหวัด หรือบุคคลที่ กกต.เห็นว่าสามารถดำเนินการแทนได้ ไปดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาและรับฟังคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหา แต่ นายจรัล บูรณพันธ์ศรี อดีต กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย หนึ่งเดียวในชุดนั้น เคยมีความเห็นคัดค้านไว้ว่า กกต.ไม่สามารถมอบอำนาจกรณีดังกล่าวให้กับผู้อื่นได้ เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจเฉพาะ ที่กกต.ต้องดำเนินการเอง เพราะเปรียบเสมือนศาล หากจะประหารชีวิตใครก็ต้องฟังจากปากคำของเขาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นฟังแทนแล้วตัดสิน เหมือนกับตอนนี้ที่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ก็ไม่เห็นด้วย กับมติดังกล่าวจึงไม่ได้ร่วมลงชื่อในมติ และไม่เข้าร่วมในการพิจารณากรณีดังกล่าวด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับใบแดง-ใบเหลือง ที่ กกต.ชุดแรกทำไว้ ในการเลือกตั้ง 2543 ได้แจกใบแดงก่อนวันเลือกตั้งจำนวน 4 ใบ และแจกหลังเลือกตั้งจำนวน 8 ใบ และให้ใบเหลือง อีกจำนวน 50 ใบ ทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้น กกต.ต้องสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่จำนวน 62 ใบ ส่วน กกต.ชุดที่ 2 นั้นได้แจกใบแดง 3 ใบ และได้ส่งไปให้คณะกฤษฎีกาตรวจสอบความถูกต้อง แต่ปรากฏว่า คณะกรรมการกฎษฎีกา เห็นแย้งมา 2 คน คือ นายตุ่น จินตะเวช และนายซาตา ซึ่งทั้ง 2 สำนวนนี้ขั้นตอนถูกต้อง แต่เนื้อหาในสำนวนยังไม่สามารถเพียงพอต่อการที่ กกต.จะให้ใบแดง
/0110
กำลังโหลดความคิดเห็น