“ประพันธ์ นัยโกวิท” วอนม็อบบุรีรัมย์ยุติการชุมนุมกดดัน กกต.บุรีรัมย์ เตือนมือที่ 3 อาจเข้าแทรกทำให้สถานการณ์บานปลาย ชี้ให้รอฟังผลกฤษฎีกาวันที่ 7 ม.ค.ขณะเดียวกัน เตรียมรับรอง ว่าที่ ส.ส.อีก 6 ราย แบ่งเป็นพรรค “พลังแม้ว” 4 ปชป. 2
วันนี้ (5 ม.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมกดดัน กกต.ที่ จ.บุรีรัมย์ ว่า เมื่อวานนี้ (4 ม.ค.) ได้รับรายงานว่าทางจังหวัดบุรีรัมย์ได้ชี้แจงทำความเข้าใจแล้วว่า กกต.จังหวัดทำตามหน้าที่ ซึ่งจริงๆ แล้วคนที่พิจารณา คือ กกต.กลาง จึงต้องการให้ผู้ที่ยังไม่เข้าใจอย่าออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะกดดัน เพราะขั้นตอนยังไม่ยุติ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเท่าที่ทราบคณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณาในวันที่ 7 ม.ค.นี้ เวลา 09.30 น. จึงต้องการให้กระบวนการต่างๆ ยุติก่อน
ถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาอาจจะไม่ยืนตามสำนวนของ กกต.ที่ส่งไปให้พิจารณา นายประพันธ์ กล่าวว่า ใช่ เพราะคณะกรรมการกฤษฎีกาประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกฎหมาย สามารถให้ดุลยพินิจว่าการให้ใบแดงของ กกต.ไปนั้น มีพยานหลักฐานข้อกฎหมายที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งสามารถทักท้วงได้ หรือยื่นหลักฐานเอกสารคัดค้านเพิ่มเติมได้เช่นกัน
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าสำนวนของ กกต.มีการแต่งตั้งพยานที่เป็นเท็จ นายประพันธ์ กล่าวว่า การเขียนสำนวนของ กกต.ทำในรูปแบบของคณะกรรมการ เราจะดูจากสำนวนแล้วจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ
“อย่าเพิ่งกล่าวหาฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพราะเขาก็ทำตามหน้าที่ มีข้อเท็จจริงอะไร ก็ยื่นมา ไม่อยากให้ออกมาในลักษณะกดดัน เกรงว่าจะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย และเกิดกลุ่มสวมรอย ทำให้สถานการณ์บานปลายได้” นายประพันธ์ กล่าว
ถามว่าจะมีการประสานกับรัฐบาลเพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า ไม่ต้อง เพราะมีตำรวจและฝ่ายปกครองดูแลอยู่ และคงไม่ต้องประกาศกฎอัยการศึก เพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้าใจ หลังได้รับฟังการชี้แจง และไม่กังวลว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ อีก เพราะต้องเข้าใจว่าในจังหวัดบุรีรัมย์มีการแข่งขันกันรุนแรง และมีนักการเมืองหลายกลุ่ม ผลที่ออกมาอาจไม่ถูกใจ จึงต้องการให้ทุกฝ่ายปรองดองกัน ให้บ้านเมืองสงบ เดินไปได้
ส่วนกรณีที่ ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า กกต.จังหวัด ปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริตนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เพราะการทำงานของ กกต.ไม่ได้คำนึงว่าใครอยู่พรรคไหน และเมื่อวานนี้ (4 ม.ค.) มีการยกคำร้องของว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน 4 คน พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน ซึ่งในวันที่ 7 ม.ค.นี้ จะมีการประชุม กกต.เพื่อประกาศรับรองผลของผู้สมัคร 6 คนที่มีการยกคำร้อง รวมถึงพิจารณาว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่เขต 1 ลำปาง ในวันที่ 13 ม.ค. หรือ 20 ม.ค. 2551
ส่วนกรณี จ.ลำปาง มีการร้องเรียนเรื่องทุจริตของผู้สมัคร ส.ส.อีก 2 ราย แต่ได้มีการยกคำร้องไปแล้ว นายประพันธ์ กล่าวว่า ว่าที่ ส.ส.รายหนึ่งอ้างว่าไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง โดยมีหลักฐานเป็นตั๋วเครื่องบินของการบินไทย และอีก 1 คนอ้างว่าไม่อยู่เช่นกัน ซึ่งมีพยานหลักฐาน สามารถตรวจสอบได้ ทาง กกต.จึงให้ใบเหลืองเพียง 1 ใบ
ต่อข้อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าการไม่ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส. และการให้ใบเหลือง-ใบแดงของ กกต.ตรงกับที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ นายประพันธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องบังเอิญที่อาจสอดคล้องกัน แต่ไม่ใช่เป็นการตั้งธง ดังนั้น ขอให้ทุกพรรคสบายใจได้ว่า กกต.พิจารณาตามข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ว่าที่ ส.ส.ที่ยังไม่ประกาศรับรองผล กกต.กลางได้มอบหมายให้ กกต.จังหวัดเป็นผู้พิจารณารับฟังการชี้แจง เพราะหากมาที่ กกต.กลาง อาจจะไม่ทัน เพราะเหลือเวลาน้อยแล้ว แต่หากมีพยานหลักฐานใดๆ เพิ่มเติม สามารถยื่นมาที่ กกต.กลางได้
/0110