กรุงเทพฯ - ฮือฮากันทั้งก๊วนสีกากี หลังมีข้อมูลยืนยัน ก่อนใช้ชื่อ “สมยศ” เคยมีนามกรว่า “สมภาร” มาก่อน แต่นิสัยชอบขโมยไก่กิน พ่อแม่หวั่นเกลี้ยงเล้า สุดท้ายให้พระอาจารย์วัดใกล้บ้านเปลี่ยนชื่อใหม่จนได้มียศศักดิ์กระทั่งปัจจุบัน
ภายในสำนักงานอันใหญ่โตรโหฐานแห่งหนึ่งละแวกปทุมวัน มักมีแก๊งก๊วนสีกากีจับกลุ่มนินทาหารือกันเป็นประจำสม่ำเสมอที่สภากาแฟ นับตั้งแต่ช่วงสายจนบ่ายคล้อย โดยเฉพาะช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา บรรดาสมาชิกพร้อมใจขยายเวลาการนินทาไปจนพลบค่ำ เนื่องจากมีประเด็นเป็นที่น่าสนใจเกิดขึ้นใหม่นั่นเอง
ภายในวงมีชายคนหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม จุดประเด็นว่า มีบุคคลหนึ่งซึ่งอยู่ในแก๊งก๊วนระดับบน หาได้ชื่อว่า “สมยศ” มาแต่อ้อนแต่ออกไม่ ความจริงที่แทบไม่มีใครระแคะระคายมาเลยก็คือ ก่อนจะใช้ชื่อสมยศ เขาผู้นี้มีชื่อว่า “สมภาร” โดยพ่อและแม่เป็นคนตั้งให้ เพราะปรารถนาให้ลูกชายเป็นคนมีจิตใจเปี่ยมล้นไปด้วยธรรมะ ครั้นพอสมภารเริ่มวัยใกล้เข้าเรียนชั้นประถม วันไหนก็ตามที่พ่อกับแม่เผลอ สมภาร มักจะต้องย่องไปขโมยเอาไก่ในเล้ามาหักคอกินด้วยความเอร็ดอร่อย พ่อแม่จึงเห็นว่าปล่อยไปอย่างนี้ไม่ได้ เผลอทีไรสมภารแอบไปกินไก่เมื่อนั้น ทั้งคู่จึงปรึกษาหารือว่าควรจะไปหาพระที่วัดใกล้บ้านให้เปลี่ยนชื่อสมภารเสียใหม่ หากปล่อยไว้เป็นไปได้ว่าไก่เกลี้ยงเล้าแน่นอน
“เท่าที่ไปตระเวนถามไถ่คนใกล้บ้าน ทุกคนยืนยันว่า เด็กชายสมภาร นิยมกินไก่มาก แล้วไม่เพียงแต่ไก่ของครอบครัวตัวเองนะ บางทีมีไก่หลงมาหน้าห้อง สมภารจะมองซ้ายมองขวา ถ้าไม่มีใครอยู่แถวนั้น สมภารจะรวบหัวรวบหางไก่มาเชือดทันที บางตัวกินกลางวันแสกๆ บางตัวที่ขนาดใหญ่หน่อยก็จะกินอีกมื้อคือ ตอนกลางคืน ไม่งั้นไม่หมด” เจ้าของเรื่องจีบปากจีบคอเล่า แล้วกระซิบเสียงแทบไม่ได้ยินต่อไปว่า
“พระอาจารย์ที่วัดตรวจยามสามตาราวเสี้ยวนาที ก็บอกพ่อแม่ของสมภาร ต้องเปลี่ยนชื่อจากสมภาร เป็นสมยศ วันหน้ารับรองต้องได้เป็นใหญ่เป็นโต สมภารก็แค่บิ๊กของวัด แต่สมยศ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าใหญ่กว่าวัดแหงะแซะ นี่จึงเป็นที่มาของสิ่งที่เรียกว่าชื่อนั้นสำคัญไฉน”
หลายคนในก๊วนสงสัยว่า แล้วตอนนี้สมยศยังชอบกินไก่หรือไม่ กระทาชายเจ้าของต้นเรื่องเอามือปิดปากตัวเองข้างหนึ่ง ขณะที่อีกข้างยกขึ้นโบกไปมา ท่ามกลางเสียงพูดล้อเลียนของอีกคนที่นั่งข้างๆ ว่า “ม่ายรู้...ม่ายพูด...”