แล้วยังไงกันแน่?
พลันที่ทราบข่าวยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ว่า “คสช.” ตัดสินใจเสียงดังฉึก คืนความสุขให้คอบอลไทยได้มีโอกาสดูการโม่เกือกสดๆ ทางจอทอระทัดครบทุกนัด ส่ำเซียนริมถนนพระอาทิตย์ เช่น จี๋ สารคาม, ใหญ่ เมืองจันท์, ยุทธ สงขลา, โอะ รัชดา, โป้ง แปดนิ้ว, ไก่ เสาไห้, กวง นานา รวมทั้งน้องใหม่ไฟแรงอย่าง คาร ขอนแก่น กะ ง้วง ยกครก เฮกันลั่น
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกส่ำเซียนหน้าซีดราวกับไก่ต้มโค้ก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อดีตเซียนมหาเซียน แต่ช่วงหลัง “โดนหนัก” ได้แก่ “บัน บุ๊กกี้” ที่ต้อง “หลบโต๊ะ” เปลี่ยนนามใหม่โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยพระ เป็น “ชา แชมเปี้ยนชิพ” ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ ชู 3 นิ้ว “ไอ เลิฟ บิ๊กตู่” ด้วยในหน้าบานเป็นจานเชิง
กระทรวงเทคโนโลยี ร่วมมือกับตำรวจลุยปราบ “โต๊ะบอล” ก่อนหน้านี้ โชว์ผลงานอยู่ดีๆ ดันถูกแย่งซีนซะง้าน
นับจากนี้ไปอีก 1 เดือนเต็ม “น้ำบาน” กันถ้วนหน้าแน่นอนครับพ้ม ฮ่าฮ่าฮ่า
โผชิงดำซีไรต์
คอวรรณกรรมโปรดแซบ!
รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมปีนี้ ถึงรอบของเรื่องสั้น แม้ตอนนี้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการว่าหนังสือเล่มไหนผ่านทะลวงเข้ารอบสุดท้าย 5-7 เล่ม ไปให้คณะกรรมการตัดสินเหลือเพียงเล่มชนะเล่มเดียวก็ตาม
กระนั้น ข่าววงในยืนยันว่า น่าจะเป็นการ “ชิงดำ” กันของสองนักเขียนนอกกระแส คนหนึ่งชื่อ เสรี วงษ์มณฑา กับผลงานเรื่องสั้นที่ชื่อว่า “โรงเรียนของหนูกับครูใหญ่สีเขียว” ส่วนคู่ชิงเป็นงานสร้างสรรค์ของ ปานเทพ วงษ์พัวพันธ์ จากผลงาน “ผู้รับเหมา”
ข่าวว่ากรรมการทั้งชุดคัดสรร กับตัดสินชื่นชอบมาก เพราะกลวิธีการนำเสนอโดนใจ ฉายภาพชัดเจน ที่สำคัญคือ “ซ่อนนัย” เอาไว้อย่างลึกล้ำ
ใครยังไม่ได้อ่านทั้งสองเรื่องนี้ ต้องรีบขวนขวายแล้ว เฮอะ เฮอะ