คอลัมน์ : ถ้ำมองไทย
โดย : นายจิต
เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทน...คือใคร
คือใครวะ มองรอบๆ ดูซิว่าอยู่แถวนี้มั้ย เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กันหรือเปล่า ถ้าพอคุยได้ช่วยบอกให้เขารีสตาร์ทสติใหม่...
เจ็บแต่จบ ว่างั้น คนเราหนีความจริงไม่พ้น ไม่งั้นทุกคนคงเป็นอมตะกันไปหมด วันหนึ่งหางมันก็โผล่ หางใครที่ไหนถ้าไม่ใช่อาตั่วเฮียเจ้าเก่าของหมู่เฮาเสื้อแดง พฤติกรรมเหมือนเหยี่ยวราตรีไม่มีผิด ซื้อบริการจนสำเร็จกิจมันก็เผ่นแน่บ อ้าว ก็เสียตังค์ซื้อนี่หว่า จะมาโวยวายทำไม ฮ่าๆๆ...บักห่าขย้ำน่อง
มันซ่อนหางรอจังหวะนี้มานาน จนกระทั่งถึงวันครบรอบเผากรุง จึงถือโจโรฤกษ์ตามหมอดูทายทัก ว่าให้รีบ “หักดิบ” ผู้มีอุปการคุณทั้งหลายของเขาเสียแต่บัดเดี๋ยวนั้น ด้วยคะเนแล้วเห็นว่าหากตะล่อมให้พายงัดอยู่เช่นนี้เรื่อยไป แกนนำทั้งหลายคงได้เป็นเจ้าสัว ชาตินี้ตั่วเฮียคงไม่มีวันขึ้นฝั่ง
จึงต้องรีบ “ลงแดง” ให้รู้แล้วรู้รอด อาการอยากสุดขีดจึงกำเริบ อยากกลับบ้านโดยไม่ติดคุก อยากอำนาจบารมี อยากกินรวบเหมือนเดิม จึงต้องถีบหัวส่งพรรคพวกเสื้อแดงให้ลอยเท้งเต้งตามยถากรรมแบบนี้แหละครับพ่อแก่แม่แก่
แผนการห่ามโหดเช่นนี้เขารู้กันทั่วไปในหมู่แกนนำตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว มีแต่ไพร่ตาแดงๆ เท่านั้นแหละที่ถูกเขาแหกตา อยู่กับประชาธิปไตยแต่หากันยังไงไม่เจอ?… เขาเตี๊ยมกันไว้ดิบดีว่าเมื่อลงจากหลังแดงวันใด ตั่วเฮียต้องรีบตะกายขึ้นฝั่ง ห้อตะบึงย่ำศพไปอย่าได้เหลียวหลัง จากนั้นเข้าโรงฟอกด้วยน้ำยาสูตรเด็ดนิรโทษกรรมให้ขาวสะอาดโดยทีมงาน “เป็ดโปร นิติคาร์แคร์” แล้วส่งไม้ต่อไปให้ “ไดโนเหนาะ” ที่คลานเข่าซุ่มโป่งอยู่รอรับช่วงต่อ พาอาตั่วเฮียออกมาออดอ้อนดรามาขอความเห็นใจน้ำตาท่วมจอว่าถูกกลั่นแกล้ง คนชั่วสำนึกผิดแล้ว ลืมๆ กันไปเฮอะ คนไทยด้วยกันจะจองล้างจองผลาญกันไปถึงไหน
แต่ทว่าเหมือนมีคุกไว้ขังคนจน เศรษฐีมีเงินล้านที่ไหนจะยอมติดคุกติดตะราง จึงขอเปลี่ยนโปรฯ จาก “คุก” เป็น “ถูกกักบริเวณ” แทน วะฮ่าฮ่า
หักหลังพวกเดียวกันได้ลงคอแบบนี้ จึงมีเสียงตัดพ้อออกมาจากเสื้อแดงพอได้ยินว่าสังหรณ์ใจตงิดๆ ตั้งแต่เรื่อง “หอมแดงเน่า” ที่ศรีสะเกษนั่นแล้วว่ามีแววสีไพร่จะไม่เป็นมงคล
ทีนี้รู้ฤทธิ์เหลี่ยมปี๊บหรือยังว่าถูกหลอกใช้มันเจ็บยังไง ใจดำรื้อนั่งร้านพวกเขายังทนกันไม่ไหว ยังระยำเอาไม้ไผ่นั่นมาลอยแพซ้ำอีก
ไม่ชั่วจริงคิดแบบนี้ไม่ได้นะนั่นน่ะ