คอลัมน์ : ยวนบ้านคนดัง
วันหยุดยาวที่ผ่านมา กระทาชายนายบักแหลมดอดไปหา “ป๋าบัญ” ภารโรงเฒ่าของกองบรรณาธิการผู้จัดกวน ผู้เช่าห้องอยู่ในเรือกสวนริมคลองบางสีทอง เมืองนนทบุรี
หลังต้อนรับขับสู้ด้วย 40 ดีกรี ดองพญาเสือโคร่งจากยอดดอยภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ เรียกน้ำย่อยกันคนละ 3-4 เป๊ก แกล้มกับอาหารป่าหาโคตรยากอย่างมะขามเปียก กับอาหารทะเล (เกลือ) จนน้ำย่อยเริ่มเดินพอดิบพอดีแล้ว เซียนเมรัยในฐานะเจ้าบ้านอย่างป๋าบัญจึงจูงมือบักแหลมเดินเลาะเลียบผ่านนสุมทุ่มพุ่มสาบเสือที่พอหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง ตัดทางไปยังเพิงสุนัขแหงนแห่งหนึ่งซึ่งติดป้ายหราบอกไว้ว่าเป็น “เรือนพี่หลอง”
พี่หลองไม่ได้เป็นนักเลงเก่า แต่คนแถวนั้นยกให้เป็น “ขาใหญ่” ประจำพื้นที่ แกมีฝีมือในทางล่าคางคก จากนั้นเอามาปรุงเป็นอาหารจานเด็ดที่แม้แต่ “พี่เป้า” สายันห์ สัญญา ที่ว่ากันว่าเวลาไปหาอดีตเพื่อนอย่างยอดรัก สลักใจ แล้วไหว้วานให้ญาติๆ “พี่แอ๊ว” ผัดกะเพราสูตรเมืองพิจิตรให้ลิ้มเพราะชื่นชอบรสชาติความอร่อย ยังต้องแอบไปชิมความเอร็ดจากฝีมือพี่หลองอยู่เนืองๆ
“ตะก่อนพี่ขายซีดีอยู่ท่าน้ำนนท์ แต่ตอนนี้วางมือแล้ว” พี่หลองเริ่มย้อนอดีต
“แล้วไปมาอีท่าไหน พี่ถึงมาทำเพิงเหล้าเรือนพี่หลอง” บักแหลมปรายตามองดูคางคกนัยน์ตาปลิ้นที่มองพี่หลองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
พี่หลองรวบขาคางคกตัวเป้ง นัยน์ตาโปนก่อนฟาดเปรี้ยงตรงโคนเสา เล่นเอาหัวคางคกตัวดังกล่าวเลือดทะลัก แล้วเอ่ยราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่คนพวกเยอะ ใครต่อใครไปมาหาสู่อยู่เรื่อย นักการเมืองเอย ตำรวจเอย ทหารเอย มือปืนเอย นักเลงจนกระทั่งพวกตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก ผ่านไปผ่านมาละแวกเมืองนนท์มักต้องแวะมาหาพี่ พวกนั้นรู้ดีว่าพี่เก่งเรื่องล่าคางคกแล้วเอามาทำอาหารจานเด็ด จนเมื่อปีสองปีที่ผ่านมา พี่จึงคิดว่าเออ...ไหนๆ ก็ไหนๆ ทำไมเราไม่ทำร้านยาดองกรึ่มแกล้มกับสารพันเมนูคางคกสูตรเด็ดซะให้รู้แล้วรู้รอด” พี่หลองกดหัวคางคกให้เลือดสดๆ ของมันไหลลงไปผสมกับเหล้าขาวที่ใส่โหลรองไว้
“ยาดองสูตรนี้ชื่อว่าอะไรรึพี่” บักแหลมกลืนน้ำลาย
“ตู่ กระทืบไพร่” พี่หลองตอบน้ำเสียงปกติ “ตะก่อนมันจะเป็นอีกสูตร ชื่อ ตู่ เตะอำมาตย์ แต่เดี๋ยวนี้โลกเรามันร้อนขึ้น สายพันธุ์ไอ้คางคกตระกูลนี้จึงเปลี่ยนไป”
“โห พี่เล่นถลกหนังสดๆ เลยหรือเนี่ย” บักแหลมทำท่าสยอง
“ไอ้นี่คางคกใต้ หนังหนาหายาก จำเป็นต้องถลกแบบนี้ ดูสิ ตอนแรกมันทำท่าจะสู้พี่ ตอนนี้เริ่มหงอยแล้ว โธ่ ไม่แน่จริงพี่ล่ามันมาถลกหนังไม่ได้หรอก ไอ้นี่มันขี้ครอกจะตายชัก”
“ฟังว่ายางของมันมีพิษ” บักแหลมถาม
“พิษไม่มีหรอก มีแต่ภัย ถ้าปล่อยให้มันเพ่นพ่านต่อไปแผ่นดินลุกเป็นไฟแน่” พี่หลองสับปังตอลงบนคอคางคกจนขาดกระเด็น เห็นมันดิ้นขลุกขลักๆ จากนั้นยังอ้าปากพะงาบๆ เหมือนพยายามเถียงไม่เลิก “คางคกไม่มียางอะไรที่เป็นพิษอย่างที่คนเข้าใจ มันมีแต่ภัยกับหายนะ เจอกะเพราสวน พริกขี้หนูกับเหล้าเถื่อนของพี่เท่านี้ก็เรียบร้อย เอานี่กะเพราสูตรคางคกขึ้นวอ ลองซะ” พี่หลองยกผัดเผ็ดคางคกขึ้นวอมาวางตรงหน้า เอ่ยอีกว่า
“จานนี้ไม่คิดตังค์ เพราะมันไม่มีราคา 555” ว่าแล้วก็ตะเบ็งเสียงหัวร่อกราวใหญ่
...จากนั้นวงเล่าพร้อมกับวงเหล้าจึงได้ฤกษ์บรรเลง