กรุงเทพฯ - ตำรวจ-ปปง.-ชาวบ้าน งงเต็กต่อคดีประหลาด เจ้าทรัพย์กับแก๊งโจรเถียงกันคอเป็นเอ็นเรื่องยอดเงิน ปลัดคมนาคมยืนยันถูกปล้นไปแค่ 6 ล้านบาท ส่วนหัวหน้าโจรยืนยันหิ้วเงินสดกลับไปแบ่งกันจริงจำนวนกว่า 200 ล้านบาท คาดต้องใช้วิธีจับสาบานทั้งสองฝ่าย
ยังสร้างความงุนงงสงสัยให้กระจายไปทั่วสังคมไทยอยู่มาจนถึงบัดนี้ สำหรับคดีแก๊งโจรร่วมกันปล้นทรัพย์บ้านนายสุพจน์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เนื่องจากภายหลังพอถูกตำรวจทยอยตามจับตัวได้ คนร้ายให้การเป็นเสียงเดียวกันว่าภายในบ้านของนายสุพจน์มีเงินสดๆ เก็บไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เจ้าทรัพย์มีการนำเอากระสอบ กระเป๋า และถุงใบใหญ่เท่าที่พอจะหาได้นำมาใส่เงินแล้วซุกไว้เต็มบ้าน ประมาณการคร่าวๆ น่าจะเป็นเงินราว 1 พันล้านบาท ดังนั้นแม้พวกตนที่เป็นโจรระดับชาติจะพยายามเท่าไรก็ไม่สามารถหอบเงินออกมาจากบ้านนายสุพจน์ได้ทั้งหมด จำเป็นต้องหักใจแบกใส่รถปิกอัพมาได้แค่ 200 กว่าล้านบาท
ด้านนายสุพจน์ซึ่งเป็นเจ้าบ้านที่ถูกแก๊งโจรอ้างว่าปล้นไปได้มากถึง 200 กว่าล้านบาท นั่งยัน นอนยัน ยืนยันอย่างเป็นมั่นเหมาะว่า เงินของเขาถูกโจรแก๊งดังกล่าวปล้นเอาไปได้แค่ 6 ล้านบาท หาใช่มากมายมหาศาลถึงขั้นเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาทอย่างที่กลุ่มโจรยกเอามาโพนทะนา ตนเป็นเพียงปลัดจนๆ คนหนึ่ง เพียงแต่โชคดีมีลูกสาวสวยแล้วมีลูกเขยรวยอภิมหาโคตรๆ จึงได้รับค่าสินสอดกับเงินที่แขกเหรื่อนำมารับไหว้ในจำนวนเงินที่ตนไม่รู้ว่าเท่าไร เพราะมัวแต่ทำงานให้บ้านเมืองจนไม่มีเวลามานั่งนับ กลับจากกระทรวงก็ต้องนั่งวิปัสนา ไม่ทราบว่าพวกโจรไปรู้แกวมาจากไหนจึงได้วางแผนปล้นจนสะท้านประเทศขนาดนี้ ที่สำคัญ ปล้นไม่ปล้นเปล่า ยังกล่าวหาว่าตนมีเงินล้นฟ้าเสียอีก
ฝ่ายตำรวจ ปปง. ล้วนงงเต็กกับคดีปล้นคดีนี้ ปกติเจ้าทรัพย์ที่ถูกปล้นมักอ้างว่าสูญเสียเงินไปจำนวนมหาศาล หรือไม่ก็มักพูดเกินความจริงไปพอสมควร เพิ่งจะมีนายสุพจน์ที่พยายามชักแม่น้ำทั้ง 5 พันสายให้เชื่อว่าเขาถูกปล้นเอาเงินสดๆ ไปเพียง 6 ล้านบาท ไม่ใช่กว่า 200 ล้านบาทตามที่ตกเป็นข่าว
“ขณะเดียวกัน ไอ้พวกโจรโดยเฉพาะนายเอกซึ่งเป็นหัวหน้า กลับยืนยันว่าปล้นเงินมาได้ราวๆ 200 ล้านบาทจริงๆ ความจริงพวกร่วมกันปล้นเห็นเงินเป็นปึกๆ คะเนคร่าวๆ ก็ตกในราว 700-1,000 ล้านบาท แต่ไม่มีปัญญาจะช่วยกันขนออกมาจากบ้านนายสุพจน์ได้อย่างไร จำต้องหักใจปล่อยให้ซุกไว้ในซอกมุมต่างๆ อย่างเดิม โอย...เรื่องประหลาดแบบคดีนี้มีใครไม่งงเป็นไก่ตาแตกบ้าง” ตำรวจนายหนึ่งส่ายหน้าเดี๊ยะ และว่า “ถ้าอยากรู้ว่าใครโกหก สงสัยต้องให้นายสุพจน์กับโจรยกแก๊งไปสาบานเพื่อพิสูจน์ใครพูดจริงใครโกหกพร้อมๆ กันเสียแล้ว”
