บุรีรัมย์ – เจ้าเมือง “ชิดชอบบุรี” ยี้ห้อย ร้อยยี่สิบ ผวาหนัก หวั่นพลพรรค “ภูมิใจห้อย” ลงขันกันสั่งเก็บภายหลังรับประทานแห้วคำใหญ่ ไม่ได้กลับไปเป็นฝ่ายรัฐบาลอีกแน่นอนแล้ว ล่าสุดแม้แต่ขุนพลแข้งบุรีรัมย์เอฟซียังบ่นคล้ายโดนลอยแพ เนื่องจากผู้จัดการทีมหายเข้ากลีบเมฆไปตั้งแต่ผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการเผยแพร่ออกมา
ผู้สื่อข่าวผู้จัดกวนประจำศูนย์ข่าวภาคอีสานรสแซบ รายงานด่วนมายังยอด ยาหยี บรรณาธิการบริหาร ว่าเมื่อช่วงเช้าของวันวานที่ผ่านมา บรรดาอดีตรัฐมนตรี และส.ส. รวมทั้งสมาชิกเกือบ 20 คน ของพรรคภูมิใจห้อย เดินทางเข้าพบกับร้อยเวรสถานีตำรวจเมืองบุรีรัมย์ ขอแจ้งความว่าหัวหน้าพรรคตัวจริงเสียงจริงหายจ้อยไปอย่างไร้ร่องรอย พวกตนเกรงว่าสาเหตุใหญ่น่าจะเป็นเพราะนายยี้ห้อย ร้อยยี่สิบ เกิดเป็นโรคกลัวจนเกินขอบเขตเข้าคุกคาม เนื่องจากก่อนหน้านี้รับปากรับคำเป็นอย่างดีว่าหลังเสร็จศึกเลือกตั้งจะมอบหมายตำแหน่งแห่งหนให้แต่ละคนมีอำนาจบารมีที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ครั้นผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการปรากฏออกมา หัวหน้าพรรคตัวจริงเสียงจริงก็หายตัวอย่างไร้ร่องรอย
วันเดียวกันแต่คนละเวลา นายเนวิน เจ้าเมือง “ชิดชอบบุรี” ก็สวมหมวก แว่นตาและพรางตัวเดินกระย่องกระแย่งขึ้นไปบนสถานีตำรวจเมืองบุรีรัมย์ แจ้งความต่อร้อยเวร ว่าขอให้ส่งกำลังตำรวจอย่างต่ำ 50 นาย พร้อมอาวุธสงครามครบมือ ไปให้ความคุ้มครองป้องกันชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สินของตนและครอบครัวด้วย เนื่องจากสายข่าวรายงานเข้ามาเหมือนกันเปี๊ยบว่าขณะนี้มีการลงเงินกันจำนวนมหาศาล เพื่อหาทีมงานชั้นอ๋องมาอุ้มหรือไม่ก็ปลิดชีพตน โดยคนกลุ่มนี้หาใช่ใครที่ไหน ทว่าเป็นเด็กภายในอาณัติของตนและครอบครัวนั่นเอง หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รีบให้ความร่วมมือ ตนเกรงว่าประเทศไทยอาจจะสูญเสียนักการเมืองน้ำดีที่สุดคนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไปใน 3-7 วันนี้
“พวกลูกน้องเก่าของผม โดยเฉพาะไอ้ซาเล้ง กล่าวหาว่าผมพาพวกเขาไปตาย ไม่ใช่ตายจริงๆ นะครับ หมายความว่าถ้าอยู่กับเสี่ยแม้ว หรือเอียงข้างให้นางสาวปูแดงสักนิดหน่อย โอกาสที่พวกเขารวมทั้งตัวผมกับครอบครัวจะตกอยู่ในที่นั่งฝ่ายค้านเต็มรูปแบบคงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ ดังนั้นทุกคนที่เคยรักใคร่ผมจึงโมโหโกรธา ได้ยินมาว่าตั้งค่าหัวผมไว้ 1 บาท แถมอาฆาตว่าชาตินี้ไม่มีทางให้อภัย อย่างไรแล้วตำรวจช่วยดูแลผมด้วยนะครับ รับรองว่ามันไม่ได้แค่ขู่ แต่จ้องจะเอาจริงเลย”
บ่ายวันเดียวกันนี้ ขุนพลแข้งทีมบุรีรัมย์เอฟซี ร้องเรียนว่านายทุนสโมสร และผู้จัดการทีมได้หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว แม้พวกตนจะพยายามติดต่อแต่ก็ไม่เป็นผล พวกตนไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าหลังผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการทยอยออกมาทางสื่อโทรทัศน์ นายทุนใหญ่ของทีมก็หายศีรษะไปเลย