กรุงเทพ – นายกฯ อภิสิทธ์ยันแควนนานุแควนศึกศาลโลกงวดนี้ อดดูนัดล้างตาศึกสำนักงานเสนีย์ ปราโมช-กัมพูชาแน่ เพราะรัฐบาลจะไม่ใช้ทนายจากสำนักงานเสนีย์อย่างเด็ดขาด ทำชาวบ้านบางส่วนเสียดายอดดูรีแมตช์แก้มือระดับโลก ด้าน “บัณฑิต ศิริพันธ์” ทนายมือหนึ่งของไทยโล่งอก บ่นอุบขืนต้องไปศาลโลกอีกได้ทำบายพาสหัวใจอีกแน่
หลังความพ่ายแพ้ชนิดขัดตาคนดูเมื่อปี 2505 ของไทยที่มีต่อกัมพูชาในศึกเขาพระวิหาร เพราะกรรมการฝรั่งตาน้ำข้าวเอียงข้างอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาสำนักงานกฎหมายเสนีย์เสียเส้นมีรอยด่างในประวัติสำนักงานอันยิ่งใหญ่มาเป็นเวลานานนับร่วม 50 ปี เกือบได้แก้มือลบรอยด่างที่จารึกไว้ เพราะล่าสุดสมเด็จอัครมหาเดโชชูชันฮวยเซ็ง ได้แจ้นไปศาลโลกฟ้องให้ตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 หวังฮุบเอาปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ไปร่วมเป็นมรดกโลกกับเขาพระวิหารด้วย
นายกฯ มาร์คได้ยืนยันกับ “ป๋าบัญ” ในวงเบียร์แกล้มคอหมูย่างว่า การต่อสู้บนศาลโลกหนนี้ทางไทยไม่ใช้ทนายจากสำนักงานกฎหมายเสนีย์เหมือนอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้เป็นประจำแน่นอนเพราะได้ว่าจ้างฝรั่งนักกฎหมายมือดีหลายคนที่ถนัดเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศมาร่วมกันสู้บนศาลโลกเที่ยวนี้ เพราะความคล่องตัว เท่าทัน และฝีมือในการล็อบบี้แน่นอนกว่านักกฎหมายไทย “ที่ต้องจ้างพวกฝรั่งไม่ใช่เพราะกลัวสำนักงานกฎหมายเสนีย์เสียท่าเค้าหรอกนะ เพราะถ้าสู้กันแฟร์ๆ เรื่องกฎหมาย เราสู้เค้าได้แน่นอน ดูอย่างตอนคดียุบพรรคสิ ขนาดเราโดนใส่ร้ายใส่ความกดดันต่างๆ นานา คุณบัณฑิตยังพาพรรคเรารอดตายหมู่มาได้อย่างไม่ยากเย็น แต่งานนี้มันแข่งกันเรื่องล็อบบี้มากกว่า เรื่องกฎหมายเป็นเรื่องรอง เราจึงต้องจ้างทนายฝรั่ง หรือง่ายๆ ก็คือกลัวว่าสำนักงานเสนีย์จะเอาปราสาทตาควายกับตาเมือนธมไปเสียท่าประเคนให้เขมรซ้ำอีกรอบ” ตอนท้ายนี่อภิสิทธิ์ชะโงกตัวมากระซิบข้างหูป๋าบัญจนขนลุกสยิว
ด้านทนายมือหนึ่งของประเทศไทย นายบัณฑิต ศิริพันธ์ กล่าวกับบักแหลมอย่างเสียดายว่า “แหม พอรู้ข่าวฮุนเซนมัน เอ๊ย! เค้าขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาปี 2505 แล้ว ผมอยากรีบดิ่งไปหานายกฯ ขอไปลุยกับมันด้วยตัวเองล้างตาให้กับสำนักงานกฎหมายเสนีย์ของเราที่โดนโกงไปคราวที่แล้ว รับรองว่าคราวนี้เราจะเอาทั้งเขาพระวิหาร ทั้งผืนดินไทยที่โดนมุบมิบกลับคืนมาจากเขมรได้แน่ แม้ผมจะต้องไปผ่าหัวใจอีกรอบก็ยอม แต่พอรู้ว่าท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ไม่ใช้นักกฎหมายไทยแต่กลับใช้นักกฎหมายฝรั่งก็นึกเสียดายเหมือนกัน แต่ก็ดีเพราะไปสู้บนศาลโลกมันไม่ได้สู้ด้วยกฎหมาย มันคือการแข่งกันล็อบบี้กรายๆ นั่นแหละ เพราะประเทศไหนให้ผลประโยชน์หรือมีประเทศใหญ่ถือหางมากกว่าก็ชนะเห็นๆ แบบฟุตบอลแหละ ฝีมือดีกว่าอะไรดีกว่าแต่กรรมการขัดแข้งขัดขาก็พานแพ้รูดทะราดเหมือนกัน” ทนายตบท้าย
จากการวิเคราะห์ของป๋าบัญ ผู้ชำนัญการล็อบบี้ กล่าวว่า “ ที่นายกฯ แกไม่ให้สำนักงานกฎหมายเสนีย์ไปล้างมือเพราะจริงๆ แล้วแกกลัวถูกย้ำแค้นมากกว่าแก้แค้นได้ เดี๋ยวนึกขลังๆ อะไรขึ้นมาจะพากันถวายพานปราสาทตาควายกับตาเมือนให้เขมรซ้ำรอยผู้ก่อตั้งสำนักงาน พาลจะทำให้คนไทยเสียวสันหลังจนนอนไม่หลับกันไปเปล่าๆ” ป๋าตบท้ายด้วยไฮเนเก้นเย็นๆ แกล้มความเศร้าคลุกเคล้ากับระทมรักปะแล่มๆ ว่าเรื่องแบบนี้ขำไม่ออกๆ จริงๆ นะน้องยอดยาหยี