เพจ "Take A Walk, Talk International Law ท่องโลกกว้างด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ" โพสต์ชื่นชมการทำงานกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้เปิดฉาก "ปฏิบัติการการทูตที่แข็งกร้าวที่สุด" เท่าที่เคยมีมา พร้อมยืนยันว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เพจ "Take A Walk, Talk International Law ท่องโลกกว้างด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ" ได้ออกมาโพสต์ชื่นชมการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้เปิดฉาก "ปฏิบัติการการทูตที่แข็งกร้าวที่สุด" เท่าที่เคยมีมา โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยทางเพจระบุว่า "การแถลงการณ์ที่ "แข็งแรงที่สุด" ตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีมาของกระทรวงการต่างประเทศ!!!! สรุปแถลงข่าวสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยกระทรวงการต่างประเทศ (8 ธ.ค. 68) นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า รมว.ต่างประเทศ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ได้บรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนต่อทูตจาก 58 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ รวม 73 คน โดยเน้น 5 ประเด็นหลัก คือ
1. กัมพูชามีพฤติกรรมซ้ำเดิม ทั้งรุกราน-ยั่วยุไทยก่อน เช่น ลอบวางทุ่นระเบิด แต่ปฏิเสธข้อเท็จจริง
2. ไทยจำเป็นต้องใช้มาตรการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน
3. สังคมไทยหมดความอดทนต่อการคุกคามซ้ำของกัมพูชา และไทยต้องปกป้องประชาชนตนเอง
4. ปฏิบัติการของไทยจะดำเนินต่อจนกว่ากัมพูชาจะเลือกเส้นทางสันติภาพที่แท้จริง
5. กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและ Joint Declaration ที่ลงนามร่วมกันในเดือนตุลาคม
โฆษกฯ ยังรายงาน 3 ประเด็นเพิ่มเติมดังนี้
1. เหตุปะทะตามแนวชายแดน
- รมว.ต่างประเทศชี้แจง Timeline ราว 14 เหตุการณ์ที่ยืนยันว่ากัมพูชาเริ่มยิงก่อน รวมถึงเหตุเมื่อ 7 ธ.ค. ที่ภูผาเหล็ก-พรานหิน 8 ก้อน ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย และเหตุปะทะเช้ามืดวันที่ 8 ธ.ค. หลายพื้นที่ มีทั้งการยิงอาวุธปืนและการเคลื่อนย้ายอาวุธยิงระยะไกลของกัมพูชา ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 8 นาย และมีรายงานว่ากัมพูชายิง BM-21 ใส่พลเรือนไทย ไทยได้ประท้วงต่อผู้สังเกตการณ์อาเซียนแล้ว
- รมว.ต่างประเทศย้ำว่าไทยจำเป็นต้องใช้การโจมตีทางอากาศเพราะภูมิประเทศเต็มไปด้วยทุ่นระเบิด การตอบโต้ของไทยเป็นการ “ป้องกันตนเอง” ตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ อยู่บนหลักความจำเป็น ความได้สัดส่วน และจำกัดเป้าหมายเฉพาะทางทหาร พร้อมประณามการโจมตีของกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลงหลายฉบับและคุกคามประชาชนไทย
2. ผลกระทบต่อประชาชน
- การโจมตีของกัมพูชาทำให้พลเรือนไทยในบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี รวมเกือบ 400,000 คน ต้องอพยพ โรงเรียนกว่า 600 แห่งใน 5 จังหวัดชายแดน และโรงพยาบาลหลายแห่งต้องปิดชั่วคราว กระทบต่อสิทธิพื้นฐานและบริการสำคัญของประชาชน
3. การเผยแพร่ข้อมูลเท็จของกัมพูชา
- กัมพูชายังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จและบิดเบือนอย่างเป็นระบบ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นจากการลอบวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทยที่ไทยเพิ่งรายงานต่อประชาคมโลก ตัวอย่างคือการใช้ภาพเก่ากล่าวหาไทย และการกล่าวหาว่าไทยเริ่มโจมตีก่อน ทั้งที่มีเอกสารตอบโต้เร็วผิดปกติ ไทยได้ดำเนินการทางการทูตเพิ่มเติม ได้แก่ เชิญทูตมาเลเซียและสหรัฐฯ ในฐานะสักขีพยาน Joint Declaration มีหนังสือประท้วงกัมพูชา ทำหนังสือเวียนถึงอาเซียน แจ้งเลขาธิการสหประชาชาติ และส่งหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคง รวม 5 ช่องทาง
- กระทรวงการต่างประเทศย้ำให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากช่องทางทางการ และให้สื่อมวลชนรายงานอย่างครบถ้วน โดยโฆษกฯ จะทยอยแถลงอัปเดตสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ความเห็นของแอดมิน
- แถลงการณ์ครั้งนี้ของไทยเป็นท่าทีที่แข็งที่สุดของกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุรายละเอียดชัดว่ากัมพูชามีพฤติกรรมรุกรานก่อน ยั่วยุ และปฏิเสธเป็นแบบแผนซ้ำ โดยไทยประกาศชัดว่าจำเป็นต้องใช้กำลัง เพื่อปกป้องอธิปไตย ซึ่งเป็นการวางฐานการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเป็นทางการ
- ไทยย้ำหลักความจำเป็น (necessity) และความได้สัดส่วน
(proportionality) อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการใช้กำลังที่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้การตอบโต้ทางทหารของไทยมีกรอบกฎหมายรองรับและลดแรงเสียดทานในเวทีนานาชาติ
- การที่ไทยระบุ Timeline เหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดที่ยืนยันว่ากัมพูชาเริ่มยิงก่อน คือการระบุหลักฐานในทางข้อเท็จจริงเพื่อเสริมเหตุผลการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองของไทยต่อประชาคมโลก
- การระบุว่ากัมพูชาละเมิด Joint Declaration เป็นการทำให้เห็นว่าฝ่ายไทยเป็นผู้รักษาสันติภาพ และกัมพูชาเป็นฝ่ายทำลายข้อตกลงระหว่างประเทศก่อน
- การรายงานผลกระทบต่อพลเรือนไทยจำนวนมาก รวมถึงโรงเรียนและโรงพยาบาลกว่า 600 แห่งที่ต้องปิด เป็นการอธิบายเหตุผลที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการเพื่อความมั่นคงทางด้านมนุษยธรรมที่เพิ่มความชอบธรรมให้การปฏิบัติการตอบโต้ของไทย
- การกล่าวหาว่ากัมพูชายิง BM-21 ใส่พลเรือนไทยถือเป็นการอธิบายว่ากัมพูชากระทำการโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศโดยตรง
- การเปิดโปงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและบิดเบือนของกัมพูชาเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายกัมพูชา และป้องกันไม่ให้การดำเนินการของกัมพูชาครองพื้นที่สื่อ
- ไทยใช้ยุทธศาสตร์การนำเสนอประเด็นในเวทีนานาชาติ โดยขยายเรื่องเข้าสู่อาเซียน องค์การสหประชาชาติ และมหาอำนาจที่เป็นสักขีพยาน Joint Declaration เพื่อเพิ่มความชอบธรรมของไทยและสร้างแรงกดดันต่อกัมพูชา
- มีประเด็นด้วยว่าไทยได้ทำหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ระบุไว้ในข้อ 51 ของกฎบัตร UN ว่า เมื่อรัฐใช้สิทธิป้องกันตนเอง จะต้องรายงานการกระทำที่ได้ทำไปต่อคณะมนตรีความมั่นคงทันที การที่ไทยดำเนินการดังกล่าว ถือว่าเป็นการทำตามข้อกำหนดอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างยิ่ง การรายงานต่อ UNSC ยังเป็นการแสดงว่าไทยเปิดเผย โปร่งใส และพร้อมรับการตรวจสอบ ซึ่งเสริมความชอบธรรมของไทย และทำให้ท่าทีของไทยมีฐานทางกฎหมายชัดเจน
- การจัดอธิบายทูต 73 คนพร้อมกันคือการทำการทูตเชิงรุกเพื่อสกัดข่าวเท็จ และลดผลกระทบจากรายงานของสื่อต่างประเทศที่คลาดเคลื่อนก่อนหน้านี้ เช่น CNN และอีกหลายสื่อที่เอาข้อมูลไปแชร์กันต่อ
- ในเรื่องของการชี้แจงและการสื่อสารและการทำหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ #แอดมินว่าตอนนี้เกือบสุดทางแล้วนะครับ เรื่องต่อไปคงเป็นหน้าที่ของทหาร และขอให้ส่งกำลังใจให้กับทั้งกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพครับ #ชื่นชมมากจากใจครับ"


