xs
xsm
sm
md
lg

“ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรเมื่อทุนผูกขาดมีอำนาจเหนือรัฐ” - “รสนา–สมศักดิ์–นิติธร ”ชำแหละนโยบายรัฐเอื้อทุนพลังงาน ผลักภาระให้ประชาชนแบกรับต้นทุนสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรเมื่อทุนผูกขาดมีอำนาจเหนือรัฐ” “รสนา–สมศักดิ์–นิติธร ”ชำแหละนโยบายรัฐเอื้อทุนพลังงาน ผลักภาระให้ประชาชนแบกรับต้นทุนสูง ชี้ปัญหาไม่ได้หยุดแค่เศรษฐกิจ แต่ลามสู่ความยุติธรรม–ประชาธิปไตย เมื่อรัฐกลายเป็น'รัฐของทุน'

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ที่ห้องประชุม สรส. ชั้น 3 นิคมรถไฟ กม.11 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร สมาพันธ์สมาฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) จัดเสวนาในหัวข้อ “ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรเมื่อทุนผูกขาดมีอำนาจเหนือรัฐ” โดยมีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประธานที่ปรึกษาสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ นางรสนา โตสิตระกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรผู้บริโภค และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” ร่วมอภิปราย

นางรสนา กล่าวถึงปัญหาโครงสร้างทุนพลังงานที่เกี่ยวพันกับอำนาจรัฐว่า ทุนผูกขาดสามารถเติบโตได้เพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทุกยุค ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและยุครัฐประหาร จนก่อเกิดกลุ่มทุนพลังงานที่มีอำนาจเหนือรัฐ แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่มีอำนาจต่อรองสูง เนื่องจากใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือสำคัญ

นางรสนากล่าวว่า ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชนทั้งน้ำมันและไฟฟ้ายังคงสูง เพราะนโยบายรัฐเอื้อผลประโยชน์ต่อกลุ่มทุน ขณะที่พลังงานหมุนเวียนกลับถูกชะลอ ทั้งที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง โดยกล่าวเชิงเสียดสีว่า “คงต้องรอให้กลุ่มทุนผูกขาดดวงอาทิตย์ได้ก่อน พลังงานหมุนเวียนถึงจะถูกใช้มากกว่านี้”

นางรสนา กล่าวต่อว่า แม้การฟ้องคดีแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อปี 2548 จะทำให้ กฟผ. กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ 100% แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา กลับถูกลดสัดส่วนการผลิต และผลักภาระไปให้เอกชนผลิตแทนมูลค่าหลายแสนล้านบาท ซึ่งรัฐต้องรับซื้อไฟฟ้าคืนก่อนนำไปคิดเป็นค่าไฟ ส่งผลให้โครงสร้างค่าไฟฟ้าสูงขึ้นทั้งจากนโยบายรัฐ ต้นทุนเชื้อเพลิง และค่าไฟสำรองหรือค่าความพร้อมจ่าย

ด้านพลังงานอื่น ๆ เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เธอยกตัวอย่างการกำหนดนโยบายราคา เสมือนนำเข้าที่ทำให้ประเทศไทยต้องนำเงินจากกองทุนน้ำมันไปอุดหนุนผู้ประกอบการ แม้ก๊าซที่ผลิตในประเทศมีราคาถูกกว่า สะท้อนให้เห็นการผ่องถ่ายภาระจากรัฐและประชาชนไปยังกลุ่มทุนพลังงานรายใหญ่

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงบทบาทของสหภาพแรงงานว่า เดิมมีเป้าหมายคุ้มครองแรงงาน แต่ระบบเศรษฐกิจที่ทุนเป็นผู้กำหนดทิศทาง ทำให้นายทุนหันมาตั้งพรรคการเมืองเองเพื่อต่อยอดอำนาจ และใช้รัฐสร้างความร่ำรวยให้ตนเองมากขึ้น เราเป็นคนส่วนใหญ่ แต่กลับนั่งเชียร์พรรคที่เป็นทุนสามานย์ ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับต้นของโลก เพราะระบบเอื้อให้ทุนกอบโกยทรัพยากรโดยไม่จำกัด

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงทุนอยู่เหนือรัฐ แต่เป็นการสร้าง “รัฐของทุน” ขึ้นมาโดยตรง เมื่อรัฐทำเพื่อทุนเป็นหลัก ประชาชนจึงไม่ควรแปลกใจว่าปัญหาไม่ถูกแก้ และย้ำว่า “ตราบใดที่ระบบยังเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนได้” พร้อมเตือนว่าการเลือกตั้งในระบบทุนนิยมผูกขาดจะยิ่งทวีความเข้มข้นของการซื้อเสียงและแข่งขันกันด้วยเงินทุนจำนวนมหาศาล

“หากต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง รัฐต้องกลับมาเป็นของประชาชนส่วนใหญ่ มิฉะนั้นการเมืองจะยังคงเป็นเวทีของทุน ที่ใช้อำนาจรัฐเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของกลุ่มทุน มากกว่าจะทำเพื่อสังคมส่วนรวม”

ด้านนายนิติธร กล่าวถึงปัญหาการผูกขาดว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนรับรู้และมองเห็นได้ชัดเจนกว่าตัวเลขหรือข้อมูลใด ๆ โดยหลายคนอาจรู้สึกว่าการจ่ายค่าไฟ ค่าน้ำมัน เป็นเรื่องปกติที่ต้องจ่าย แต่ในความเป็นจริงควรถามตัวเองว่า ที่เราจ่ายนั้น คือ “ค่าบริการ” หรือ “ค่าการผูกขาด” กันแน่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า แม้แต่รัฐบาลเองก็ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่าต้นทุนพลังงานที่แท้จริงมีจำนวนเท่าใด

“ ปัญหานี้ไม่ใช่เพียงเรื่องตัวเลขหรือเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของความยุติธรรมและ โครงสร้างอำนาจ”เพราะเมื่อเกิดการผูกขาด ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่ในภาคเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ลามไปสู่กระบวนการยุติธรรมและหลักการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนด้วย”

นายนิติธรกล่าวอีกว่า การผูกขาดทำให้ประชาชนถูกตัดขาดจากสิทธิในการมีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย แม้เราจะชื่นชมระบอบประชาธิปไตย แต่กลับไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ขณะเดียวกัน ประชาชนยังสูญเสียรายได้ และขาดการเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับโครงสร้างพลังงาน ซึ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินแต่คำพูดว่าพลังงานมีไม่พอ หรือมีอยู่น้อย แต่ในทางปฏิบัติ ทรัพยากรพลังงานก็ยังไม่หมด การที่ทุนผูกขาดมีอำนาจเหนือรัฐอาจนำไปสู่การบิดเบือนการจัดสรรประโยชน์จากทรัพยากร การควบคุมรายได้ และการกำหนดนโยบายโดยที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วม 














กำลังโหลดความคิดเห็น