“สามารถ สาเร็ม” นักวิชาการสงขลาเตือนการระเบิดถนนเร่งระบายน้ำอาจซ้ำเติมชาวคูเต่านับหมื่นชีวิต จี้รัฐเร่งช่วยเหลือ-อพยพประชาชนก่อน พร้อมเสนอเปิดปากทะเลสาบสงขลาตามคำสั่งศาลเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน
“อย่าแก้ปัญหาด้วยการสละชีวิตคนปลายน้ำ” : ข้อเสนอฝ่าวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่...
โพสต์โดย Samart Sarem เมื่อ วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2025
วันนี้ (26 พ.ย.) นายสามารถ สาเร็ม นักวิชาการอิสระ ด้านพหุวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มุสลิมเมืองสงขลา ซึ่งเป็นชาวสงขลา โพสต์เฟซบุ๊ก Samart Sarem เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาท่วมวิกฤตหาดใหญ่ โดยระบุว่า
“อย่าแก้ปัญหาด้วยการสละชีวิตคนปลายน้ำ” : ข้อเสนอฝ่าวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ และชะตากรรมของชาวคูเต่านับหมื่นชีวิต
ในขณะนี้ มหาวิกฤตอุทกภัยกำลังโหมกระหน่ำเมืองหาดใหญ่ในระดับรุนแรงที่สุด ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่พื้นที่เศรษฐกิจใจกลางเมือง แต่ได้ขยายวงกว้างไปจนถึงพื้นที่รอบนอก โดยเฉพาะพื้นที่ “ตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา” ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่นับหมื่นคน และกำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤตที่ถูกลืม
พื้นที่รับน้ำที่ไร้การช่วยเหลือ
ตำบลคูเต่า คือพื้นที่ปลายน้ำด่านสุดท้ายที่ต้องรองรับมวลน้ำมหาศาลจากตัวเมืองหาดใหญ่ที่ไหลผ่าน คลองอู่ตะเภา (ซึ่งผ่ากลางหมู่บ้าน) และ คลองระบายน้ำที่ 1 (คลองภูมินาถภักดี) ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านควน ต.คูเต่า เพียง 4-5 กิโลเมตร ก่อนจะไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา
สถานการณ์ปัจจุบัน ประชาชนนับหมื่นชีวิตกำลังรอคอยความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง พื้นที่พักพิงมีเพียงอาคารสูง 2 ชั้น ซึ่งไม่เพียงพอรองรับผู้อพยพ ในขณะที่ฝนยังคงตกหนักและลมกรรโชกแรงต่อเนื่อง
ข้อเท็จจริงเรื่อง “การระเบิดถนน”
ท่ามกลางวิกฤต มีกระแสข่าวและข้อเสนอจากบางสื่อและบางกลุ่มคน ให้มีการ “ระเบิดถนนลพบุรีราเมศวร์” รวมถึงถนนสายอื่นๆ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากตัวเมืองหาดใหญ่
ขอเรียนชี้แจงด้วยความเคารพและห่วงใยว่า ข้อเสนอดังกล่าว หากกระทำโดยปราศจากมาตรการรองรับ จะเสมือนการ “ฆ่า” ประชาชนนับหมื่นคนที่อาศัยอยู่ปลายน้ำในเขตตำบลคูเต่าทันที มวลน้ำก้อนใหญ่จะถาโถมเข้าใส่หมู่บ้านที่จมน้ำอยู่แล้วให้จมดิ่งลงไปอีก
3 ข้อเสนอเพื่อทางออกที่ยุติธรรมและปลอดภัยสำหรับทุกชีวิต
เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรอบคอบ ยุติธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงขอเสนอแนวทางปฏิบัติเร่งด่วน ดังนี้
1.การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต้องมาก่อน (ด่วนที่สุด) ต้องเร่งระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือชาวบ้านตำบลคูเต่าที่ติดค้างอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวและตามบ้านเรือนโดยทันที
อพยพ : นำคนที่ตกค้างออกมายังที่ปลอดภัย
เสบียงชีพ : หากยังอพยพไม่ได้ ต้องนำอาหาร น้ำดื่ม นมผงสำหรับเด็ก และน้ำมันเบนซิน (สำหรับเติมเรือชาวบ้าน) เข้าไปส่งมอบหรือหย่อนทางอากาศให้ทั่วถึงโดยเร็วที่สุด
2. ต้องอพยพคนก่อนระเบิดทาง หากมีความจำเป็นทางยุทธศาสตร์น้ำที่จะต้องระเบิดถนนลพบุรีราเมศวร์หรือถนนสายใดก็ตาม “#เงื่อนไขที่ขาดไม่ได้” คือต้องทำการอพยพประชาชนนับหมื่นคนในตำบลคูเต่าออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยให้หมดสิ้นเสียก่อน การระเบิดถนนโดยที่คนยังอยู่เต็มพื้นที่ปลายน้ำ คือโศกนาฏกรรมที่ยอมรับไม่ได้
3. แก้ที่ต้นตอ : เปิดปากทะเลสาบสงขลา ทางออกของน้ำจากทะเลสาบสงขลาสู่ทะเลอ่าวไทยมีเพียงทางเดียว คือบริเวณรอยต่อระหว่าง ต.บ่อยาง อ.เมือง และ ต.หัวเขา อ.สิงหนคร ปัจจุบันจุดระบายน้ำนี้แคบลงอย่างมากเนื่องจากมี “เขื่อนท่าเรือน้ำลึกปากทะเลสาบสงขลา”
อ้างถึงข้อมูลจากภาคประชาสังคม โดย คุณปรีชา สุขเกษม ที่เคยนำเสนอผ่านไทยพีบีเอส ระบุว่าเขื่อนดังกล่าวมีคำสั่งศาลให้รื้อถอน แต่หน่วยงานรัฐกลับละเลย จึงขอเรียกร้องให้ ดำเนินการรื้อถอนเขื่อนปากทะเลสาบสงขลา ตามคำสั่งศาลโดยด่วน เพื่อเปิดทางให้น้ำระบายออกสู่ทะเลได้รวดเร็วขึ้น แทนการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการระเบิดถนนซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตประชาชน
เราคนไทยด้วยกัน โปรดอย่าแก้ปัญหาที่หนึ่ง ด้วยการสร้างหายนะให้อีกที่หนึ่ง ขอให้ทุกชีวิตรอดปลอดภัยไปด้วยกัน
ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทย ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกระดับ


